นายกฯ ย้ำความร่วมมือ ปตท. กับ ฟอกซ์คอนน์ เป็นก้าวสำคัญสร้างความแข็งแกร่งให้ประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางผลิตยานยนต์ไฟฟ้าชั้นนำในอาเซียน

ข่าวทั่วไป Monday May 31, 2021 16:26 —สำนักโฆษก

นายกรัฐมนตรี ย้ำความร่วมมือ ปตท. กับ ฟอกซ์คอนน์ เป็นก้าวสำคัญสร้างความแข็งแกร่งให้ประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางผลิตยานยนต์ไฟฟ้าชั้นนำในอาเซียน

วันนี้ (31 พ.ค. 2564) เวลา 15.30 น. นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการลงทุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ระหว่าง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กับ Hon Hai Precision Industry Co., Ltd. (Foxconn Technology Group) ในรูปแบบเสมือนจริง (Virtual MOU Signing Ceremony) จัดขึ้น ณ กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย และ กรุงไทเป ไต้หวัน เพื่อศึกษาโอกาสการพัฒนาฐานการผลิตยานยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย ซึ่งความร่วมมือนี้จะเป็นการผลักดันให้อุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยเปลี่ยนผ่านสู่เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า สมัยใหม่ ส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตและเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตและเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในระดับสากลมากยิ่งขึ้น โดยมีนายสุพัฒน์พงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ทศพร ศิริสัมพันธ์ ประธานคณะกรรมการ ปตท. พร้อมด้วย ผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมเป็นสักขีพยาน

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีแสดงความยินดีที่ได้ร่วมในพิธีลงนามข้อตกลงความร่วมมือโครงการ ลงทุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยระหว่าง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ ฟอกซ์คอนน์ เทคโนโลยี กรุ๊ป (Foxconn Technology Group) รัฐบาลไทยให้ความสำคัญในการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า โดยมีนโยบายและกำหนดทิศทางยกระดับให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า เป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายด้วยรักษาและต่อยอดความเป็นผู้นำของฐานการผลิตยานยนต์เพื่อการส่งออกในภูมิภาค ที่ผ่านมาได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ โดยตั้งเป้าหมายการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าจะเติบโตเป็น 30% ของการผลิตรถยนต์ทั้งหมดในประเทศภายในปีค.ศ.2030 (พ.ศ. 2573) เท่ากับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าประมาณ 7 แสนคันต่อปี ย้ำจุดยืนของประเทศไทยที่จะเป็นศูนย์กลางการลงทุนยานยนต์ไฟฟ้าสำคัญของอาเซียน และส่งผลให้ประเทศบรรลุเป้าหมายในการลดก๊าซเรือนกระจกอีกด้วย

นายกรัฐมนตรี ยืนยันส่งเสริมระบบนิเวศอื่น ๆ ที่จะเกื้อหนุนให้การใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นในประเทศตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง ด้วยความร่วมมือภาครัฐและเอกชน เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการดำเนินงานด้านยานยนต์ไฟฟ้าให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ทั้งการเชื่อมโยงผู้ผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์ที่เกี่ยวเนื่อง และผลักดันผู้ประกอบการที่มีศักยภาพ ประเทศไทยในฐานะเป็นฐานการผลิตรถยนต์ชั้นนำในอาเซียนแล้ว ยังอยู่ใน 12 อันดับแรกของฐานการผลิตรถยนต์ระดับโลก

ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรี ได้ขอให้การดำเนินงานของ ปตท. และฟอกซ์คอนน์เทคโนโลยี กรุ๊ป (Foxconn Technology Group) ประสบผลสำเร็จตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ พร้อมเชื่อมั่นว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญ ที่ไม่เพียงแต่จะเป็นประโยชน์ต่อทั้ง 2 องค์กรเท่านั้น แต่จะยังช่วยเป็นฟันเฟืองสำคัญ ขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวไปสู่อนาคต ของเศรษฐกิจ นวัตกรรม และสิ่งแวดล้อมที่ดียิงขึ้นได้ต่อไป

ดร.ทศพร ศิริสัมพันธ์ ประธานคณะกรรมการ ปตท. กล่าวถึงความร่วมมือ ปตท. และฟอกซ์คอนน์เทคโนโลยี กรุ๊ป (Foxconn Technology Group) ว่า จะสนับสนุนการผลิตรถรถยนต์ไฟฟ้า โดยตั้งเป้าหมายที่จะจัดตั้งแพลตฟอร์มการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า และส่วนประกอบหลักต่าง ๆ แบบ end-to-end ด้วยเงินร่วมลงทุนขั้นต้นที่ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ และจะขยายการลงทุนเป็น 2 พันล้านเหรียญสหรัฐในอนาคตต่อไป สร้างโอกาสทางธุรกิจและการพัฒนา รวมทั้งทำให้คนไทยสามารถเข้าถึงรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศไทยที่มีต้นทุนต่ำกว่าและมีความยั่งยืนในอนาคต

Mr. Young Liu, Chairman and CEO of Foxconn กล่าวถึงเป้าหมายของความร่วมมือในครั้งนี้ว่าเป็นการเปิดโอกาสให้ลูกค้าหรือผู้ที่สนใจทั่วโลก ได้เชื่อมต่อสังคมแห่งการเดินทางด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ ความเชี่ยวชาญของ Foxconn ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมของโลก ทำให้เราผนึกความร่วมมือกับภาครัฐ และ ปตท. ในการถ่ายทอดวิสัยทัศน์ ประสบการณ์ และความชำนาญเกี่ยวกับอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่พร้อมสำหรับอนาคต ซึ่งที่ผ่านมา ปตท. ได้ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จพลังงานและแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ Foxconn จะสามารถแบ่งปันความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยสร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่งขึ้น เรามุ่งหวังที่จะเห็นประเทศไทยก้าวสู่การเป็นผู้นำระดับโลกในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต

---------------------------

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ