รมต.อนุชา ชี้ภาคการเกษตรช่วยสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานราก ย้ำผู้บริหารชัยนาทเร่งหาแนวทางสนับสนุน ดันโครงการ "โคเนื้อสายพันธุ์เจ้าพระยาบีฟ" หนทางสร้างรายได้ใหม่ชาวชัยนาท

ข่าวทั่วไป Monday November 28, 2022 15:53 —สำนักโฆษก

รมต.อนุชา ชี้ภาคการเกษตรช่วยสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานราก ย้ำผู้บริหารชัยนาทเร่งหาแนวทางสนับสนุน ดันโครงการ "โคเนื้อสายพันธุ์เจ้าพระยาบีฟ" หนทางสร้างรายได้ใหม่ชาวชัยนาท

วันนี้ (28 พฤศจิกายน 2565) เวลา 09.30 น. ณ ศาลากลางจังหวัดชัยนาท นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมประชุมคณะกรมการจังหวัดชัยนาทและหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดชัยนาท ครั้งที่ 11/2565 ประจำเดือนพฤศจิกายน 2565 โดยมี นายนที มนตริวัต ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท นำหัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนสมาคม ผู้แทนชมรมต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัดชัยนาทเข้าร่วมประชุมด้วย

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้รับฟังรายงานผลการดำเนินงานด้านต่างๆ อาทิ สถานการณ์การเงินการคลังในพื้นที่จังหวัดชัยนาท ซึ่งพบว่าภายหลังที่รัฐบาลผ่อนปรนมาตรการจากสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมของพื้นที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยภาคบริการเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.9 รองลงมาคือภาคเกษตรกรรม และภาคอุตสาหกรรม นอกจากนี้ที่ประชุมได้รายงานผลการพัฒนาพันธุ์โคเนื้อของจังหวัดชัยนาท หรือโคเนื้อสายพันธุ์เจ้าพระยาบีฟ โดยตั้งเป้าเป็น "โคหนุ่ม เนื้อนุ่ม ลุ่มน้ำเจ้าพระยา" มีความโดดเด่นที่เนื้อโคมีความนุ่ม อุ้มน้ำ ไขมันแทรกสูง เป็นที่ต้องการของตลาดทั้งไทยและต่างประเทศ ซึ่งในอนาคตตั้งเป้าเป็นแนวทางการพัฒนาอาชีพเสริม สร้างรายได้ให้ประชาชน ปัจจุบันมีประชาชนร่วมโครงการกว่า 2,000 ครัวเรือน ใช้เวลาในการขุนเพียง 3-6 เดือน สามารถสร้างรายได้เฉลี่ยตัวละ 11,000 บาท

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อาชีพหลักของประชาชนในพื้นที่จังหวัดชัยนาทคือภาคการเกษตร ซึ่งเป็นกลุ่มสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับฐานรากของประเทศ แม้จะไม่ใช่ตัวเลข GDP หลักแต่ก็มีความสำคัญ เพราะเป็นกลุ่มที่หล่อเลี้ยงคนจำนวนมากของประเทศ และทำให้ฐานการค้าการลงทุนโดยเฉพาะระดับฐานรากมีความเข้มแข็ง จังหวัดชัยนาทมีความโดดเด่นด้านการเกษตร โดยมีผลผลิตหลัก เช่น ข้าว มันสำปะหลัง อ้อย เป็นต้น ในส่วนของแนวทางการส่งเสริมอาชีพด้านปศุสัตว์ เช่น การเลี้ยงโคเนื้อสายพันธุ์เจ้าพระยาบีฟ ถือเป็นอีกหนึ่งหนทางในการสร้างอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ให้ประชาชนอย่างยั่งยืนได้ในอนาคต ซึ่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำให้คณะผู้บริหารในพื้นที่ร่วมกันหาแนวทางส่งเสริมและสนับสนุนภาคการเกษตร ดึงจุดเด่นของจังหวัด สร้างให้เป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่เพื่อดึงดูดเม็ดเงินและนักท่องเที่ยวเข้ามาเพิ่มขึ้น เกิดการกระจายรายได้สู่ชุมชนทั่วทั้งจังหวัดต่อไป

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ