วันนี้ (วันศุกร์ที่ 10 มีนาคม 2566) เวลา 11.00 น. ณ ห้องรับรอง 1 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายเปโดร สวาห์เลน (H.E. Mr. Pedro Zwahlen) เอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิสประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในโอกาสเข้ารับหน้าที่ โดยสรุปสาระสำคัญของการหารือ ดังนี้
รองนายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับเอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิสประจำประเทศไทยในโอกาสเข้ารับหน้าที่ ยินดีที่ไทยกับสมาพันธรัฐสวิสมีความสัมพันธ์ทางการทูตที่แน่นแฟ้นยาวนานกว่า 90 ปี โดยรองนายกรัฐมนตรียืนยันความพร้อมที่จะร่วมมือกับเอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิสฯ อย่างใกล้ชิด เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์และพัฒนาความร่วมมือที่จะนำมาซึ่งผลลัพธ์อันเป็นประโยชน์ร่วมกันต่อประชาชนของทั้งสองประเทศ พร้อมกันนี้ รองนายกรัฐมนตรีแสดงความขอบคุณไปยังรัฐบาลสมาพันธรัฐสวิส สำหรับการอำนวยความสะดวกในการเสด็จพระราชดำเนินเยือนสมาพันธรัฐสวิสของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อเดือนกันยายน ปี 2565 ที่ผ่านมา
เอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิสฯ ขอบคุณรองนายกรัฐมนตรีที่สละเวลาให้เข้าเยี่ยมคารวะในวันนี้ พร้อมทั้งแสดงความยินดีกับประเทศไทยในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคที่ผ่านมา ซึ่งราบรื่นและประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิสฯ ชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสมาพันธรัฐสวิสที่มีความใกล้ชิดกันในทุกระดับ โดยพร้อมสานต่อและเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างกันมากขึ้น
ด้านเศรษฐกิจ ทั้งสองฝ่ายยินดีที่มีความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจระหว่างกันที่เข้มแข็ง มีการแลกเปลี่ยนทางการค้าและการลงทุนระหว่างกันเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิสฯ ยินดีกับความคืบหน้าและพัฒนาการที่ดีในการประชุมหารือ เพื่อฟื้นการเจรจาความตกลงการค้าเสรีระหว่างไทยกับสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (European Free Trade Association: EFTA) โดยเชื่อมั่นว่า ทั้งสองฝ่ายจะสามารถบรรลุผลการเจรจาได้ตามเป้าหมายที่กำหนดร่วมกัน
ด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งสองฝ่ายยินดีที่ไทยและสมาพันธรัฐสวิสได้ลงนามข้อตกลงการดำเนินงานภายใต้ความตกลงปารีสร่วมกัน โดยครอบคลุมการถ่ายโอนคาร์บอนเครดิตระหว่างประเทศ ซึ่งสะท้อนการให้ความสำคัญต่อประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจังของทั้งสองประเทศ ทั้งนี้ เอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิสฯ กล่าวว่า สมาพันธรัฐสวิสพร้อมเพิ่มพูนความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมกับประเทศไทยมากขึ้น ผ่านการลงทุนในโครงการสำคัญต่าง ๆ ซึ่งจะมีส่วนช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยเฉพาะในภาคเกษตรกรรมของไทย รวมถึงยังให้ประโยชน์ต่อเกษตรกรโดยตรง ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างการดำเนินงานร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองประเทศ และคาดว่าจะมีความคืบหน้าในเร็ว ๆ นี้
ด้านการท่องเที่ยวและการแลกเปลี่ยนระดับประชาชน ทั้งสองฝ่ายยินดีที่ประชาชนของทั้งสองประเทศมีการแลกเปลี่ยนการเดินทางระหว่างกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีส่วนสำคัญกันในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ พร้อมทั้งเห็นพ้องการสนับสนุนให้ประชาชนของทั้งสองประเทศมีการเดินทางท่องเที่ยวระหว่างกันมากขึ้น นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิสฯ ขอบคุณรัฐบาลไทยสำหรับการสนับสนุนการจัดตั้งสถานกงสุลกิตติมศักดิ์สมาพันธรัฐสวิสประจำจังหวัดชลบุรี ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งนักท่องเที่ยวชาวสวิส และชาวสวิสที่พำนักอาศัยในประเทศไทยจำนวนมาก
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างเปิดกว้างและสร้างสรรค์ ต่อสถานการณ์ภายในประเทศและระหว่างประเทศที่สำคัญร่วมกันอีกหลายประเด็น
ที่มา: http://www.thaigov.go.th