นายกฯ ชี้แจงการดำเนินนโยบายด้านต่างประเทศของรัฐบาล ยืนยันรัฐบาลให้ความสำคัญกับ FTA เผยเตรียมคุยนายกฯ กัมพูชา กรณีพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา

ข่าวทั่วไป Wednesday January 3, 2024 14:40 —สำนักโฆษก

นายกฯ ชี้แจงการดำเนินนโยบายด้านต่างประเทศของรัฐบาล ยืนยันรัฐบาลให้ความสำคัญกับ FTA เผยเตรียมคุยนายกฯ กัมพูชา กรณีพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา เพื่อทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนทั้งสองประเทศดีขึ้น

วันนี้ (3 มกราคม 2567) เวลา 17.10 น. ณ ห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชั้น 2 อาคารรัฐสภา ถนนสามเสน เขตดุสิต กรุงเทพฯ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เข้าร่วมการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26 ปีที่ 1 ครั้งที่ 5 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 2) เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 โดยนายกรัฐมนตรีชี้แจงถึงประเด็นการดำเนินนโยบายด้านต่างประเทศของรัฐบาล ดังนี้

นายกรัฐมนตรีขอบคุณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (พรรคเพื่อไทย) ที่ชื่นชมและมีข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับการดำเนินโยบายด้านการต่างประเทศของรัฐบาลนี้ โดยเฉพาะเรื่องของการเจรจา FTA หรือสนธิสัญญาการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ไม่ใช่แค่การเจรจา FTA กับ EU หรืออังกฤษ แต่รัฐบาลยังได้ทำเรื่องนี้มากขึ้น โดยมีการตั้งงบประมาณเผื่อไว้เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ จากการที่ได้เดินทางไปเยือนต่างประเทศทั่วโลกและได้พบปะพูดคุยกับหลาย ๆ บริษัทนั้นประเด็นสำคัญที่บริษัทดังกล่าวจะมาตั้งโรงงานผลิตเพื่อการส่งออก เรื่อง FTA ถือเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งเรื่องนี้เราล้าหลังประเทศคู่แข่ง เช่น ประเทศเวียดนาม ซึ่งรัฐบาลตระหนักดีถึงเรื่องนี้ และเห็นว่าเป็นประเด็นเสี่ยงหากเราไม่ได้ทำ ไม่ได้เจรจาให้บรรลุผลได้ บริษัทต่าง ๆ เหล่านั้นก็มีสิทธิที่จะย้ายฐานการผลิต ไม่ใช่เรื่องของค่าแรงถ้าเขาจะย้าย แต่เป็นเรื่องที่เรามีความคืบหน้าน้อยมากในช่วง 8 - 9 ปีที่ผ่านมาในการเจรจาเรื่องของ FTA ทั้งนี้ ยืนยันว่าเรื่อง FTA เป็นเรื่องที่รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญ โดยนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เรามีแผนงานเรื่องนี้ที่ชัดเจนและจะพยายามทำให้ได้โดยรวดเร็วที่สุด

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงเรื่องจุดยืนประเทศไทยในเวทีโลกที่ปัจจุบันมีความเปราะบางอย่างสูงว่า ประเทศไทยมีจุดยืนที่ชัดเจนคือจุดยืนความเป็นกลาง มีความภาคภูมิใจในความเป็นเอกราชของประเทศไทย ทั้งนี้ หลายเรื่องต่าง ๆ ที่มีปัญหาเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอิสราเอลกับฮามาส การที่เราเป็นผู้บริสุทธิ์ที่ถูกทำร้าย แต่เราก็ใช้การทูตการเจรจาที่เป็นประโยชน์กับทุกฝ่ายโดยมีจุดยืนที่ความเป็นกลาง และอาศัยความสัมพันธ์ทางการทูตที่ดีกับประเทศที่มี Influence over ทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มีการพบปะกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซียในหลายเวที โดยเมื่อปลายเดือนที่แล้วได้ไปรับประทานอาหารร่วมกันมาก็ได้มีการขอร้องให้นายกรัฐมนตรีมาเลเซียช่วยดูแลเรื่องของตัวประกันอีก 8 คนที่ยังไม่หลุดออกมา ซึ่งต้องเฝ้าระวังว่าเมื่อไรที่จะมีการหยุดยิงเกิดขึ้น เพื่อช่วงนั้นเราจะมีการรุกเจรจาและขอความช่วยเหลือจากเพื่อน ๆ เราทุกคน

นายกรัฐมนตรีได้ย้ำเกี่ยวกับการเดินทางไปเยือนต่างประเทศของนายกรัฐมนตรีเป็นที่ประจักษ์ถึงความพยายามอย่างเต็มที่ ที่จะดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศ เพื่อยกระดับภาคอุตสาหกรรมไทยให้เป็นอุตสาหกรรม High profit มีการจ้างงานเกิดขึ้น มีการยกระดับรายได้ของพี่น้องประชาชนคนไทยทุก ๆคน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่รัฐบาลยังทำต่อไป ทำมาแล้ว 100 กว่าวัน ซึ่งหลาย ๆ เคสก็ประสบความสำเร็จแต่ก็ยังมีความเปราะบาง มีความเสี่ยงอยู่ ต้องติดตามงานอย่างใกล้ชิดเพราะว่าเราไม่ได้แข่งขันอยู่กับตัวเราเอง เราแข่งขันกับเพื่อนบ้านที่แต่ละคนก็จะพยายามที่จะ offer สิ่งที่ดี ๆ กับประเทศเขา แต่อย่าลืมว่าประเทศไทยเราไม่ได้มีแค่นโยบายทางด้านการภาษี เรามีหลาย ๆ อย่างที่ดี ไม่ว่าจะเป็นชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีกว่า มีโรงเรียนนานาชาติที่เหนือกว่าเขา Health care system ที่เป็นระบบ World Class การที่นักลงทุนต่างประเทศจะมาอยู่ประเทศไทย เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องสำคัญ เพราะฉะนั้นรัฐบาลนี้จะเดินหน้าต่อไป โดยจะมุ่งมั่นในการที่จะนำบริษัทข้ามชาติที่มีศักยภาพในการยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ประชาชนคนไทยทุกคนอย่างต่อเนื่อง

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงเรื่องของทุนมนุษย์ว่า ระหว่างที่ตนไปเจรจากับหลาย ๆ ประเทศนั้น เราไม่ได้ที่จะเอาแค่เม็ดเงินของเขาเข้ามา ไม่ได้จะเอาแค่ผลิตภัณฑ์ของเขาเข้ามาผลิตในประเทศไทย หนึ่งในข้อตกลงนั้น เราจะให้เขามีการเข้ามาสร้าง Training Center ด้วย มีการมาสร้างทักษะพิเศษที่ประชาชนของประเทศเราอาจจะยังขาดอยู่บ้าง เพื่อให้คนของเราพัฒนาและสามารถมาทำงานในอุตสาหกรรมใหม่ ๆ อุตสาหกรรมที่มีรายได้ดี ทำให้พี่น้องประชาชนของเรามีรายได้สูงขึ้น

นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงเรื่องของเมียนมา ประเทศเพื่อนบ้านที่มีประชากรใกล้เคียงกับเราประมาณ 70 ล้านคน มีเขตชายแดนติดต่อกับเราประมาณ 2,000 กม. ถือว่าเป็นเพื่อนบ้านที่มีความสำคัญอย่างยิ่งกับประเทศไทย ปัจจุบันเขาประสบปัญหา โดยนายปานปรีย์ พหิทนานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ไปพูดคุยกับ Counterpart ของท่าน แล้วมีการตกลงกัน โดยความเห็นชอบจากสมาชิกของอาเซียน ว่าเราจะต้องตั้งคณะกรรมการ Humanitarian Assistance เพื่อที่จะดูแลผู้ที่เปราะบาง ให้เขามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี โดยที่ประเทศไทยจะเป็นผู้นำในการเจรจาในด้านนี้ เรื่องนี้มีนัยสำคัญอีกมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการค้าชายแดน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเจรจา ที่ทำให้ PM 2.5 ลดลงไป เรื่องของการค้ายาเสพติด ก็เป็นเรื่องที่เราต้องมีการเจรจาควบคู่กันไปด้วย

นอกจากนี้ ในเรื่องของ OCA พื้นที่ทับซ้อน ที่เราเจรจาอยู่อย่างต่อเนื่องกับกัมพูชา ซึ่งเป็นประเทศที่เรามีความสัมพันธ์ที่ดี เรื่องนี้เป็นเรื่องที่รัฐบาลเราให้ความสำคัญ หนึ่งใน Agenda ที่จะมีการพูดคุยกัน เมื่อท่านนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ซึ่งจะมาเยือนประเทศไทยในวันที่ 7 กุมภาพันธ์นี้ เรื่องนี้ก็จะเป็นเรื่องที่เราหยิบยกขึ้นมาเริ่มต้นพูดคุย เรานั่งอยู่บนขุมทรัพย์ที่มีมูลค่าหลาย ๆ ล้านล้าน เราก็ควรที่จะมีการตกลงกันได้ พูดคุยกันได้ เพื่อที่จะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องของทั้งสองประเทศซึ่งเป็นเพื่อนบ้านที่ดี มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีรายจ่ายที่ลดลงด้วย เรื่องนี้ยืนยันว่ารัฐบาลนี้ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ