นายกฯ กล่าวในงาน Re-Invest Summit Lunch

ข่าวทั่วไป Tuesday March 12, 2024 13:42 —สำนักโฆษก

ชักชวนมาท่องเที่ยว ดำเนินธุรกิจ และลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ของไทย

วันนี้ (12 มีนาคม 2567) เวลา 12.10 น. (เวลาท้องถิ่นเมืองคานส์) ณ โรงแรม Carlton Cannes เมืองคานส์ ฝรั่งเศส นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารกลางวัน Re-Invest Summit Lunch และกล่าวสุนทรพจน์ โดยนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญดังนี้

นายกรัฐมนตรีรู้สึกยินดีที่ได้มาร่วมงานเลี้ยงอาหารกลางวัน พร้อมพบปะกับผู้นำรัฐบาล ผู้กำหนดนโยบาย และผู้ประกอบการจากทั่วโลก ซึ่งล้วนแต่เป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงของโลก และนับเป็นโอกาสสำคัญที่จะได้แนะนำประเทศไทยในอีกแง่มุม นอกจากการเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวชั้นนำของโลกที่มีทั้งชายหาดที่สวยงาม เมืองที่มีชีวิตสดใส และวัฒนธรรมที่สวยงาม หวังว่าผู้คนจากทั่วโลกจะพิจารณามาพักอาศัย ดำเนินธุรกิจ และขยายการลงทุนในไทยมากขึ้นด้วย

โอกาสนี้ นายกฯ กล่าวถึงสถานการณ์ของตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทย รวมถึงวิสัยทัศน์และนโยบายของรัฐบาล ดังนี้

สถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทย โดยประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่น่าอยู่ที่สุดในโลก กรุงเทพฯ ติดอยู่ใน 10 เมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลกสำหรับชาวต่างชาติอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งได้รับการยกย่องในด้านระบบการรักษาพยาบาลที่ยอดเยี่ยม มีโรงเรียนนานาชาติชั้นนำมากมาย และมีราคาสมเหตุสมผล โดยผู้ที่สนใจการลงทุนและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ กรุงเทพฯ ติดอันดับ 1 ของโลกในดัชนีที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยยังมีแนวโน้มเติบโตกว่า 30% ในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และนโยบายสนับสนุนของรัฐบาล สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพมหาศาลในด้านอสังหาริมทรัพย์ของไทย

วิสัยทัศน์ของรัฐบาล นายกฯ มุ่งเสริมสร้างความเป็นผู้นำในภูมิภาคให้ไทยแข็งแกร่งยิ่งขึ้น และผลักดันไทยให้เป็นศูนย์กลางของภูมิภาค โดยกล่าวถึงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับอนาคตของประเทศไทยทั้ง 8 ด้าน ดังนี้

1) ศูนย์กลางการบิน ผ่านการก่อสร้างสนามบินใหม่ การยกระดับสนามบินที่มีอยู่ และการเพิ่มขีดความสามารถในการขนส่งและบริการ พร้อมมุ่งมั่นที่จะสร้างประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อผ่านแดน (transit) และศูนย์บำรุงรักษาหลักในภูมิภาค (maintenance center) ?2) ศูนย์กลางเมืองท่องเที่ยว รัฐบาลวางแผนที่จะยกระดับสถานะของไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลก เสริมสร้างประสบการณ์ของนักท่องเที่ยวผ่านวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ ส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง ผ่อนคลายข้อจำกัดการเดินทาง และวางตำแหน่งประเทศให้เป็น "โฮมสเตย์" ระดับโลกสำหรับนักเดินทางทั่วโลก

3) ศูนย์กลางด้านการแพทย์และส่งเสริมสุขภาพ ด้วยการเสริมสร้างระบบการดูแลสุขภาพที่มีชื่อเสียงและการแพทย์แผนโบราณ พร้อมมุ่งมั่นที่จะเป็นจุดหมายปลายทางด้านการดูแลสุขภาพที่ครอบคลุมสำหรับผู้ป่วยต่างชาติ

4) ศูนย์กลางการเกษตรและอาหาร โดยเน้นย้ำบทบาทของประเทศไทยในฐานะ "ครัวโลก" ซึ่งไทยมุ่งมั่นที่จะเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร เข้าไปมีส่วนร่วมในความมั่นคงด้านอาหารของโลก และขับเคลื่อนนวัตกรรมในภาคอาหาร รวมถึงความก้าวหน้าในโปรตีนจากพืช และผลิตภัณฑ์ฮาลาล

5) ศูนย์กลางขนส่งของภูมิภาค ผ่านการลงทุนที่สำคัญในโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงการขยายถนน ทางรถไฟ และการพัฒนาเครือข่ายรถไฟความเร็วสูง ซึ่งจะอำนวยความสะดวกทางการค้าและทำให้ความสามารถด้านโลจิสติกส์ของไทยแข็งแกร่งขึ้น

6) ศูนย์กลางผลิตยานยนต์แห่งอนาคต ประเทศไทยซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์และ EV รายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคนี้ วางแผนที่จะดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรม EV ให้มากขึ้น และสนับสนุนการพัฒนาระบบนิเวศระบบรถยนต์ไฟฟ้าที่ครอบคลุม และพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์แห่งอนาคต

7) ศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัล โดยเป้าหมายคือ การดึงดูดการลงทุนในเทคโนโลยีดิจิทัล นวัตกรรม และ AI พร้อมส่งเสริมบริษัทเทคโนโลยีขั้นสูงด้วยแรงจูงใจ และการสนับสนุนจากรัฐบาล เพื่อขยายอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงและระบบนิเวศของสตาร์ทอัพ

8) ศูนย์กลางทางการเงิน ด้วยการส่งเสริมภาคการเงินที่แข็งแกร่งและมีนวัตกรรม ดึงดูดสถาบันการเงินระดับโลก และพัฒนาระบบการซื้อขายคาร์บอนเครดิต

นายกรัฐมนตรีกล่าวในช่วงท้ายว่า วิสัยทัศน์เหล่านี้ไม่ใช่แค่ความฝันเท่านั้น แต่มีแผนและการดำเนินการที่เป็นรูปธรรมรองรับ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายแห่งกำลังดำเนินการอยู่ นอกจากนี้ ด้วยแรงจูงใจและการสนับสนุนที่ถูกต้องจากรัฐบาล ควบคู่ไปกับความร่วมมือและการลงทุนจากภาคเอกชน นายกรัฐมนตรีมั่นใจว่าจะสามารถเปลี่ยนวิสัยทัศน์เหล่านี้ให้กลายเป็นความจริงได้ พร้อมกล่าวย้ำว่า ประเทศไทยเปิดกว้างสำหรับธุรกิจอย่างเต็มที่ และไม่มีเวลาใดที่จะดีไปกว่านี้อีกแล้วในการลงทุนในประเทศไทย ? Thailand is fully open for business, and there has never been a better time to invest in Thailand"

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ