นายกฯ สั่งการก.คลัง ดีเดย์ด่านOne stop service หนองคายทดลอง1ก.ย.นี้ลดขั้นตอนส่งสินค้าไปลาวและจีนพร้อมสั่งกรมโรงงานเร่งพิจารณาออกใบอนุญาต รง.4

ข่าวทั่วไป Tuesday May 7, 2024 15:03 —สำนักโฆษก

นายกฯ สั่งการ ก.คลัง ดีเดย์ด่านOne stop service หนองคายทดลอง 1 ก.ย. นี้ ลดขั้นตอนส่งสินค้าไปลาวและจีน พร้อมสั่งกรมโรงงาน เร่งพิจารณาออกใบอนุญาต รง. 4 ให้ผู้ประกอบการตั้งโรงงานโดยแล้วเสร็จภายใน 30 วัน

วันนี้ (7 พฤษภาคม 2567) เวลา 11.30 น. ณ บริเวณห้องโถง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานอนุกรรมการเร่งวางแผนการจัดตั้งศูนย์บริการการค้าชายแดนแบบเบ็ดเสร็จ หรือ One stop service กล่าวภายหลังการประชุม ครม. ว่า เพื่อให้บริการแก่ประชาชนและผู้ประกอบการในรูปแบบในซิงเกิ้ลซัมมิทชัน โดยให้ทดลองระบบภายในวันที่ 1 กันยายนนี้ ที่ด่านศุลกากร จังหวัดหนองคาย ภายหลังจากที่ตนเองได้ลงพื้นที่ไปจังหวัดหนองคาย ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะไม่อยากให้การลงทุนโครงสร้างพื้นที่เป็นแสนล้าน แต่ต้องไปเสียเวลาที่ด่าน และคอยเป็นเวลานานในขั้นตอนการส่งสินค้าไปยังลาว เชื่อมจีน โดยเฉพาะทุเรียนเป็นผลไม้ไทยที่จะส่งไปยังประเทศจีน ที่ไม่อยากให้ผู้ประกอบการเสียผลประโยชน์และหลังจากนั้น จะเปิดบริการอย่างเต็มรูปแบบภายในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ โดยให้คณะอนุกรรมการเร่งพิจารณาในด่านศุลกากรอื่น ๆ ที่มีความพร้อมคู่ขนานไปด้วย

นายกฯ สั่งการให้กระทรวงอุตสาหกรรม เร่งแก้ไขปัญหาพร้อมจัดการเรื่องใบอนุญาตโรงงาน หรือ ใบ รง.4 ที่มีความล่าช้าและค้างในระบบเป็นจำนวนมากให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน เพื่อให้เกิดความสะดวกและรวดเร็วในการประกอบธุรกิจของภาคเอกชน ซึ่งพบว่ามีได้รับการร้องเรียนเรื่องนี้มีใบอนุญาตค้างอยู่ประมาณกว่า 200 ใบ และได้รับรายงานเบื้องต้นว่ามีการตีกลับไปที่จังหวัดเป็นร้อยใบ โดยค้างอยู่ที่กรมโรงงาน ซึ่งรัฐบาลไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ แต่ต้องการให้เกิดการอนุมัติ ทำงานอย่างรวดเร็ว เพื่อให้เอกชนไปดำเนินงานสร้างโรงงาน พร้อมกับการสร้างงานสร้างอาชีพ ทำให้เศรษฐกิจเจริญเติบโตได้

นายกฯ กล่าวต่อไปว่า การส่งเสริมนโยบายการท่องเที่ยวของรัฐบาล ได้ขอให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เร่งวางแผนการท่องเที่ยวในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งด้านการบริการ สถานที่ ความปลอดภัย เพื่อดึงดูดให้นักท่องเที่ยวให้เกิดความประทับใจ

นายกฯ กล่าวอีกว่า คณะรัฐมนตรียังเห็นชอบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานแก่ประชาชน ที่จะสิ้นสุดลงเพื่อบรรเทาผลกระทบค่าครองชีพของประชาชน และการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โดยมี 3 มาตรการหลักดังนี้ 1.ตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกินลิตรละ 33 บาท 2.ราคาปลีกของก๊าซแอลพีจีขนาด 15 กิโลกรัม อยู่ที่ 423 บาท ต่อถัง และ 3.ลดราคาค่าไฟอยู่ที่ 19.05 สตางค์ต่อหน่วยกับผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านเรือนไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน ทั้งนี้การตรึงราคาน้ำมันดีเซล ไม่เกินลิตรละ 33 บาทใช้เงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง หากเงินไม่พอก็ต้องมาดูงบกลางไปช่วยเหลือต่อไป

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ