นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า สถานการณ์อุทกภัย ช่วงระหว่างวันที่ 10 ก.ย. — 18 ต.ค.ซึ่งเป็นสถานการณ์อุทกภัยครั้งล่าสุดที่สร้างความเสียหายอย่างหนัก และถือว่าวิกฤติที่สุดในรอบหลายปี มีพื้นที่ประสบอุทกภัยรวม 13 จังหวัด 67 อำเภอ 381 ตำบล ผู้เสียชีวิต 7 ราย ได้แก่
จ.ระยอง น้ำท่วมในพื้นที่ อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองระยอง และวังจันทร์ ตราด เกิดน้ำป่าไหลหลากและดินถล่มในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเกาะช้าง และแหลมงอบ
จ.สระแก้ว น้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ 10 ตำบล 1 เทศบาล ได้แก่ อำเภออรัญประเทศวังน้ำเย็น ตาพญา และโคกสูง
จ.นครราชสีมา น้ำท่วมในพื้นที่ 21 อำเภอ 131 ตำบล 1,127 หมู่บ้าน ผู้เสียชีวิต 3 ราย สูญหาย 1 ราย ได้แก่ อำเภอเมืองนครราชสีมา สูงเนิน ขามทะเลสอ โนนแดง เสิงสาง คง หนองบุญมาก จักรราช เทพารักษ์ ด่านขุนทด บ้านเหลือม โนนสูงโชคชัย พิมาย โนนไทย ห้วยแถลง ปากช่อง สีคิ้ว ปักธงชัย ขามสะแกแสง และเฉลิมพระเกียรติ
จ.ปราจีนบุรี น้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ 3 ตำบล ได้แก่ อำเภอนาดี และกบินทร์บุรี ความเสียหายอยู่ในระหว่างการสำรวจ
จ. ลพบุรี น้ำท่วมในพื้นที่ 11 อำเภอ 120 ตำบล 1,012 หมู่บ้าน ผู้เสียชีวิต 2 ราย ได้แก่ อำเภอเมืองลพบุรี โคกสำโรง ชัยบาดาล พัฒนานิคม ลำสนธิ ท่าหลวง หนองม่วง สระโบสถ์ โคกเจริญ บ้านหมี่ และท่าวุ้ง
จ.นครสวรรค์ น้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ 25 ตำบล ได้แก่ อำเภอตาคลี ลาดยาว หนองบัว ท่าตะโก และไพศาลี
จ.ชัยภูมิ น้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบำเหน็จณรงค์ และจัตุรัส
สำหรับความเสียหายอยู่ในระหว่างการสำรวจ จ.สระบุรี น้ำท่วมในพื้นที่ 8 อำเภอ 39 ตำบล ได้แก่ อำเภอเมืองสระบุรี บ้านหม้อ พระพุทธบาท มวกเหล็ก แก่งคอย วังม่วง เสาไห้ และเฉลิมพระเกียรติ
จ.เพชรบูรณ์ น้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ 49 ตำบล ได้แก่ อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ หนองไผ่ ศรีเทพ บึงสามพัน และวิเชียรบุรี
จ.นครนายก น้ำท่วมในพื้นที่อำเภอบ้านนา 2 ตำบล ราษฎรเดือดร้อน 500 ครัวเรือน 1,500 คน
จ.สุพรรณบุรี น้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ 9 ตำบล ได้แก่ อำเภอสามชุก หนองหญ้าไทร และเดิมบางนางบวช
จ.ศรีสะเกษ น้ำล้นสปริงเวย์เข้าท่วมในพื้นที่ตำบลกันทรอม อำเภอขุนหาญ ความเสียหายอยู่ในระหว่างการสำรวจ