มาร์ค มาดอฟฟ์ บุตรชายวัย 46 ปีของนายเบอร์นาร์ด มาดอฟฟ์ อดีตประธานกรรมการตลาดหุ้นนาสแดคที่ถูกศาลสหรัฐตัดสินจำคุกจากคดีโกงแชร์ลูกโซ่ ได้เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
นายพอล บราวน์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งนิวยอร์กระบุว่า เจ้าหน้าที่พบศพของมาร์คเมื่อเวลาประมาณ 07.30 น.ของวันเสาร์ ตามเวลาท้องถิ่น โดยมาร์คใช้เชือกจูงสุนัขแขวนคอตัวเองกับท่อน้ำในห้องรับแขกที่อพาร์ทเมนท์ของเขาในแมนฮัทตัน ซึ่งในช่วงที่เกิดเหตุนั้น บุตรชายวัย 2 ขวบของเขากำลังนอนหลับอยู่บนเตียง
ทั้งนี้ มาร์ค มาดอฟฟ์ และน้องชาย แอนดรูว์ มาดอฟฟ์ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวน แต่ก็พบว่าทั้งสองไม่ส่วนพัวพันกับคดีโกงแชร์ลูกโซ่ ในขณะที่เบอร์นาร์ด มาร์ดอฟฟ์ ถูกศาลตัดสินให้จำคุก 150 ปี ซึ่งยาวนานกว่าโทษที่ซีอีโอของเวิลด์คอม คอร์ป และ เอ็นรอน คอร์ป ได้รับถึง 6 เท่า
อย่างไรก็ตาม ทั้งมาร์คและแอนดรูว์ พร้อมด้วยผู้บริหาร 5 คนของบริษัทมาดอฟฟ์ ถูกเออร์วิง ไพการ์ด ทรัสตีที่ได้รับการแต่งตั้งจากศาลสหรัฐ ฟ้องดำเนินคดีเมื่อวันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยเออร์วิง ไพการ์ด บีบให้มาร์คและแอนดรูว์ รวมทั้งผู้บริหารทั้ง 5 จ่ายเงินชดเชยความเสียหายให้กับเหยื่อการฉ้อโกงของมาดอฟฟ์
รายงานระบุว่า มาร์ค มาดอฟฟ์ เริ่มมีความเครียดมากขึ้นตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากเป็นวันครบรอบปีที่ 2 ที่บิดาของเขาถูกจับกุมคดีฉ้อโกง และหลังจากถูกเออร์วิง ไพการ์ด ฟ้องเรียกร้องค่าเสียหาย
เบอร์นาร์ด มาดอฟฟ์ถูกเจ้าหน้าที่ FBI บุกจับกุมตัวเมื่อวันที่ 11 ธ.ค.ปี 2551 ในข้อหาจัดตั้งกองทุนเฮดจ์ฟันด์ในรูปแบบของ แชร์ลูกโซ่ (ponzi scheme) ซึ่งเป็นธุรกิจที่ผิดกฎหมาย ส่งผลให้สถาบันการเงินหลายแห่งทั่วโลก รวมทั้งกองทุน นักลงทุนและบุคลที่มีชื่อเสียง สูญเงินจำนวนมาก นอกจากนี้ การกระทำของมาดอฟฟ์ยังส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าบกพร่องในเรื่องการตรวจสอบกองทุนของมาดอฟฟ์ จนเป็นเหตุให้คริสโตเฟอร์ ค็อกซ์ ประธาน SEC ตัดสินใจกู้วิกฤตศรัทธาของ SEC ด้วยการประกาศลาออกจากตำแหน่ง เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อเรื่องกรณีอื้อฉาว