นายวัชระ กรรณิกา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ขยายระยะเวลาการใช้บังคับกฎกระทรวงกำหนดงานและจำนวนเงินที่ลูกจ้างต้องส่งเข้ากองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร และหลักเกณฑ์และวิธีการในการส่งเงิน การออกใบรับ หนังสือรับรอง และใบแทนหนังสือรับรองการส่งเงิน พ.ศ. 2553 ออกไปเป็นวันที่ 1 มี.ค.55 จากเดิมที่จะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 27 ธ.ค.53 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานได้ให้เหตุผลของการขยายระยะเวลาดังกล่าวออกไป เพราะการกำหนดให้หักเงินค่าจ้างลูกจ้างสัญชาติพม่า สัญชาติลาว และสัญชาติกัมพูชา ที่อยู่ระหว่างการต่ออายุใบอนุญาตทำงาน ย่อมก่อให้เกิดภาระค่าใช้จ่ายต่อค่าครองชีพของคนต่างด้าว เป็นเหตุให้คนต่างด้าวเหล่านี้ไม่ยื่นต่ออายุใบอนุญาตทำงานและหลบหนีออกนอกระบบการผ่อนผัน นายจ้างขาดแคลนแรงงานและหันไปใช้แรงงานต่างด้าวแบบผิดกฎหมายอีก ซึ่งจะทำให้ภาครัฐไม่มีข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับแรงงานต่างด้าวที่จะนำมาวางแผนบริหารจัดการแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวได้
"ดังนั้น เพื่อให้การบริหารแรงงานต่างด้าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของคนต่างด้าวซึ่งเป็นผู้อยู่ใต้บังคับของกระทรวงฉบับดังกล่าว กระทรวงแรงงานจึงเห็นควรขยายระยะเวลาการใช้บังคับกฎกระทรวงฯ ออกไปเป็นวันที่ 1 มี.ค.55" รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
อย่างไรก็ดี ในระหว่างนี้กระทรวงแรงงานจะเร่งดำเนินการศึกษาวิจัยให้เกิดความชัดเจนเกี่ยวกับการกำหนดงาน อัตราการส่งเงินเข้ากองทุน และสัญชาติลูกจ้างซึ่งได้รับใบอนุญาตตามมาตรา 9 มาตร 11 มาตรา 13 (1) หรือ (2) และมาตรา 14 ที่จะต้องส่งเงินเข้ากองทุนเป็นประกันค่าใช้จ่ายในการส่งลูกจ้างนั้นกลับออกไปนอกราชอาณาจักร รวมทั้งระดมความคิดเห็นจากผู้อยู่ใต้บังคับของกระทรวงและผู้ที่เกี่ยวข้องในระบบการจัดเก็บเงินเข้ากองทุน เพื่อให้ระบบการจัดเก็บเงินค่าจ้างของลูกจ้างต่างด้าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและไม่เป็นภาระต่อลูกจ้างและนายจ้างต่อไป