นายกรัฐมนตรี เผยขณะนี้มีความจำเป็นเร่งด่วนในการปรับเปลี่ยนระบบการเตือนภัย แผนป้องกันภัย ตลอดจนแผนบริหารจัดการกรณีเกิดภัยพิบัติ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่มีความรุนแรงและเกิดขึ้นบ่อยครั้ง พร้อมทั้งเร่งประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่ประชาชนเกี่ยวกับการปฏิบัติตนหากต้องเผชิญกับเหตุภัยพิบัติ โดยไม่มีความจำเป็นต้องไปออกกฎหมานยเพิ่มเติม แต่ให้บังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่อย่างเคร่งครัด
"คงไม่ถึงขึ้นต้องออกกฎหมาย เป็นเพียงการออกกฎเกณฑ์ตามกฎหมายที่มีอยู่ ซึ่งคงต้องมีการปรับ กำลังให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปประเมินศึกษาให้ชัดเจน" นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังและติดตามการเปลี่ยนแปลงของรอยเลื่อนที่อาจส่งผลให้เกิดแผ่นไหวในประเทศไทย
ช่วงค่ำวานนี้เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 6.7 ริกเตอร์ ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ในประเทศพม่า โดยส่งผลกระทบให้โบราณสถาน และอาคารบ้านเรือนของประชาชนในฝั่งไทยได้รับความเสียหายด้วย แม้กระทั่งอาคารสูงในกรุงเทพฯ ก็สามารถรับรู้แรงสั่นไหวดังกล่าวได้