ผู้ว่าฯยันอยุธยาไม่หนักถึงขั้นอพยพด่วน 16 อำเภอ คาดกู้วัดไชยฯใน 2-3 วัน

ข่าวทั่วไป Tuesday October 4, 2011 18:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา คาดว่าต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 วัน ในการคลี่คลายสถานการณ์น้ำท่วมโบราณสถาน ที่บริเวณวัดไชยวัฒนารามได้ พร้อมยืนยันว่าสถานการณ์ใน จ.พระนครศรีอยุธยายังไม่หนักถึงขั้นต้องสั่งอพยพประชาชนทั้ง 16 อำเภอออกจากพื้นที่ภายใน 3 ชม. ตามที่มีการส่งข้อความผ่านระบบ sms ทางโทรศัพท์มือถืออยู่ในขณะนี้

"ยังไม่ถึงขนาดต้องอพยพประชาชน แต่หากคนไหนไม่สามารถอยู่ในบ้านได้ เราจะมีที่พักพิงให้ ไม่ว่าจะเป็นเด็ก หรือคนชรา เราจัดที่รองรับไว้ให้" ผู้ว่าฯ พระนครศรีอยุธยา กล่าว

ทั้งนี้ ยอมรับว่าสถานการณ์น้ำที่ทะลักท่วมคันกั้นน้ำเข้ามาบริเวณวัดไชยวัฒนารามอย่างฉับพลันตั้งแต่เช้าตรู่วันนี้ถือเป็นสถานการณ์ที่หนักสุด และไม่มีใครตั้งตัวได้ทัน ซึ่งชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าวไม่สามารถขนย้ายข้าวของได้ เนื่องจากเหตุเกิดตั้งแต่เวลาประมาณ 05.00 น.

ผู้ว่าฯ พระนครศรีอยุธยา กล่าวถึงการเร่งกู้โบราณสถานภายในวัดไชยวัฒนารามว่า ตั้งแต่เวลา 18.00 น.ของวันนี้ จะระดมกำลังเจ้าหน้าที่เพื่อวางแนวกระสอบทรายและสร้างคันดินขึ้นโดยรอบโบราณสถาน พร้อมกับเร่งติดตั้งเครื่องสูบน้ำออกจากพื้นที่ และจากนั้นจึงจะนำช่างเข้าไปซ่อมแซมแนวกำแพงวัดที่ถูกกระแสน้ำพัดพัง ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาในการซ่อมแซมอย่างน้อย 2-3 วัน

พร้อมกันนี้ จะพยายามผันน้ำเข้าไปสู่ 6 ทุ่งใน จ.พระนครศรีอยุธยา โดยจะเน้นการรักษาเขตเทศบาล และเขตนิคมอุตสาหกรรมซึ่งถือเป็นเขตเศรษฐกิจ ตลอดจนพระราชวังบางปะอินให้ได้รับความเสียหายน้อยที่สุด

อย่างไรก็ดี ทางจังหวัดได้มีการตั้งจุดพักพิงไว้สำหรับให้ประชาชนได้พักพิงเป็นการชั่วคราว พร้อมตั้งเป็นศูนย์ประสานงานโดยอยู่ที่สนามกีฬากลางจังหวัด ซึ่งหากประชาชนที่ไม่สามารถกลับไปอาศัยอยู่ในบ้านของตัวเองอันเนื่องจากระดับน้ำท่วมสูงมาก ก็สามารถมาใช้ศูนย์ดังกล่าวเป็นที่พักพิงชั่วคราวได้

นายวิม รุ่งวัฒนจินดา เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการประชุมติดตามสถานการณ์น้ำของนายกรัฐมนตรี กับผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ รวมถึงวิดีโอคอนเฟอร์เร้นไปยังศูนย์สนับสนุนการอำนวยการและการบริหารสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม(ศอส.) ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน, เลย และพระนครศรีอยุธยาว่า ข่าวลือที่ว่าคันกั้นน้ำที่ จ.พระนครศรีอยุธยา รับน้ำไม่ไหว และมีการสั่งอพยพประชาชนภายใน 3 ชม.นั้นไม่เป็นความจริง

ทั้งนี้ผู้ว่าฯ พระนครศรีอยุธยาได้ยืนยันว่าขณะนี้ในเขตเมืองยังสามารถรองรับสถานการณ์น้ำในแม่น้ำลพบุรี แม่น้ำป่าสัก และแม่น้ำเจ้าพระยาได้ โดยมีการเสริมคันกั้นสูงจากเดิมเป็น 6.7 เมตร ซึ่งปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณหน้าวัดไชยวัฒนาราม สูงจากขอบตลิ่ง 5.3 เมตร ดังนั้นจึงยังมีพื้นที่รับน้ำได้อีกประมาณ 1 เมตร และมีการขยายฐานคันกั้นน้ำออกไปอีก 1 เมตร เพื่อรองรับปริมาณน้ำที่จะเข้ามา

สำหรับพื้นที่บางส่วนที่น้ำไหลเข้ามาทางข้างหลังวัด ซึ่งได้ท่วมโบราณสถานในขณะนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดยังได้ประสานกับกรมศิลปากร ในการตรวจสอบและตัดสินใจดำเนินการสูบน้ำออก ซึ่งคาดว่าจะสามารถสูบน้ำออกได้ภายในคืน และจะมีการจัดเวรยามตลอด 24 ชั่วโมง โดยขอกำลังทหารช่าง ทหารบก จากแม่ทัพภาคที่ 1 รวมถึงอาสาสมัคร ช่วยเฝ้าระวังและเตือนภัยหากเกิดวิกฤติ

ส่วนในพื้นที่จังหวัดเลย สถานการณ์น้ำป่าที่ไหลเข้าท่วมในเขตตัวจังหวัดเลย มีสถานการณ์คลี่คลายแล้วโดยสามารถระบายลงสู่แม่น้ำโขงเรียบร้อยแล้ว

สำหรับพื้นที่กรุงเทพฯ นั้น นายกรัฐมนตรีได้กำชับไปยังผู้ว่าฯ กทม.ว่าหากมีปริมาณน้ำไหลผ่านมากให้มีการป้องกันในพื้นที่เสี่ยงก่อน เช่น สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งจุดที่หน้าเป็นห่วง คือพื้นที่กทม.ฝั่งตะวันออก ในเขตหนองจอก และมีนบุรี ที่ต้องรองรับน้ำจาก จ.นครนายก และลพบุรี ส่วนในพื้นที่ชั้นในนั้น ผู้ว่าฯกทม.ได้สั่งการให้เร่งระบายน้ำในคลองออกจาก กทม.แล้ว เพื่อให้สามารถรองรับปริมาณน้ำฝนที่อาจจะตกเพิ่มขึ้นมาอีก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ