นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน หารือความร่วมมือด้านแรงงานในระดับนานาชาตินอกรอบกับนาย มิน-ซอค คิม รักษาการ รมว.แรงงานและการจ้างงาน สาธารณรัฐเกาหลี และ นาย สตีเว่น ซิม ซี เคียง รมว.ทรัพยากรมนุษย์ มาเลเซีย ก่อนการประชุมรัฐมนตรี APEC ด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (APEC HRDMM 2025)
ในการหารือกับ นายมิน-ซอค คิม รักษาการ รมว.แรงงานและการจ้างงาน สาธารณรัฐเกาหลี ทั้งสองฝ่ายย้ำความร่วมมือในการส่งเสริมแรงงานถูกกฎหมาย และขยายโอกาสแรงงานไทยในภาคบริการ ร้านอาหาร โรงแรม และการดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นภาคที่เกาหลีกำลังขาดแคลนแรงงาน
นายมิน-ซอค คิม กล่าวว่า การหารือทวิภาคีระหว่างไทยและเกาหลีใต้ครั้งนี้สะท้อนวิสัยทัศน์ของไทยในการยกระดับแรงงานสู่มาตรฐานสากล โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องในการขยายความร่วมมือด้านแรงงานอย่างรอบด้าน ทั้งการส่งแรงงานอย่างถูกกฎหมาย การพัฒนาทักษะฝีมือ และการคุ้มครองสิทธิแรงงานไทยในเกาหลีใต้ ซึ่งขณะนี้มีแผนขยายการรับแรงงานต่างชาติในภาคบริการ เช่น ร้านอาหาร โรงแรม งานภาคบริการ และงานภาคบริบาลดูแลผู้สูงอายุ โดยในเกาหลีใต้เป็นแรงงานหญิงในกลุ่มอายุ 5065 ปี แต่การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอาจขยายโอกาสแรงงานฝีมือไทยในสาขาภาคบริบาล พร้อมยืนยันว่าแรงงานไทยมีวินัย ตั้งใจทำงาน และได้รับความไว้วางใจจากนายจ้างเกาหลีใต้
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ในด้านการจัดการแรงงานผิดกฎหมาย ซึ่งมีแรงงานไทยในเกาหลีใต้ถึง 19.2% ไทยเสนอแนวทางแก้ไขในเชิงระบบ เช่น การขึ้นทะเบียนแรงงานเพื่อนบ้านในไทยให้ถูกกฎหมาย พร้อมการปราบปรามนายหน้าเถื่อน และการรณรงค์ให้แรงงานเข้าสู่ระบบ EPS เพื่อเข้าถึงค่าจ้างที่เป็นธรรมและสวัสดิการที่มั่นคง
พร้อมทั้งเสนอความร่วมมือในการพัฒนาทักษะแรงงานสู่เศรษฐกิจอนาคต โดยเฉพาะด้าน AI, Automation และอุตสาหกรรมอัจฉริยะ พร้อมย้ำว่าไทยจะติดตามคุณภาพชีวิตแรงงานในเกาหลีใต้อย่างใกล้ชิด การหารือครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายแรงงานต่างประเทศของไทยที่ไม่เพียงเน้นการจัดส่งแรงงานอย่างถูกต้อง แต่ยังมุ่งสร้างมาตรฐานใหม่ด้านคุณภาพชีวิต และความมั่นคงให้แรงงานไทยบนเวทีโลก
ส่วนการหารือกับนายสตีเว่น ซิม ซี เคียง รมว.ทรัพยากรมนุษย์ มาเลเซีย ต่างเห็นพ้องร่วมกันว่าทั้งสองประเทศควรเป็นผู้นำด้านการพัฒนาแรงงานในอาเซียน โดยเฉพาะในยุคเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียว และแรงงานอิสระ (Gig Workers) โดยไทยเสนอแนวคิด One Destination two Cities เพื่อสร้างงานจากการท่องเที่ยว กระจายรายได้สู่เมืองต่าง ๆ ในอาเซียนได้
โดยนายสตีเว่น ซิม ซี เคียง กล่าวว่า ทางมาเลเซียเตรียมเสนอร่างกฎหมายคุ้มครองแรงงานประมาณเดือนกรกฎาคมนี้ และพร้อมแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับไทย ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกันว่าแรงงานคือรากฐานการพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาค
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า การหารือวันนี้สะท้อนเจตนารมณ์ของไทยที่ต้องการให้แรงงานไทยมีคุณภาพ มีทักษะสากล และไม่ตกขบวนการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก ไม่ว่าจะในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี หรือเศรษฐกิจสีเขียว โดยแรงงานไทยต้องได้รับการยอมรับในเวทีอาเซียนและระดับโลก ซึ่งกระทรวงแรงงานพร้อมเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันให้เกิดความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง สร้างรากฐานแรงงานไทยทั้งในด้านคุณภาพ ความปลอดภัย และโอกาสทางเศรษฐกิจอย่างแท้จริง