ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้สอบสวนคดีพิเศษ ที่ 32/2568 ในความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 กรณีอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่มหลังเหตุแผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 28 มี.ค.68 นั้น ที่ประชุมฯ ได้พิจารณาแล้วมีผลสรุปใน 3 ประเด็น ดังนี้
1. การพิจารณามีความเห็นทางคดี เรื่องความผิดเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้มีการออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องแล้ว 5 ราย จับกุมตัวไปแล้ว 4 ราย ส่วนอีก 1 ราย เป็นผู้ต้องหาสัญชาติจีน อยู่ระหว่างการหลบหนี
2. การพิจารณาสำนวนการสอบสวนความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 (คดีฮั้วประมูลฯ) พบมีความเกี่ยวข้องในคดีต้องสืบสวนสอบสวนต่อ และขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน เพราะยังมีประเด็นที่เกี่ยวข้องอีกหลายส่วน เน้นสัญญา 3 ฉบับ อาทิ สัญญาก่อสร้าง สัญญาออกแบบ สัญญาควบคุมงาน
รวมถึงมีการเรียกสอบพยานกลุ่มบริษัทที่เคยเสนอราคา E-Bidding หรือคัดเลือกแล้วแต่กรณี โดยในที่ประชุม จึงมีมติแยกเลขคดีพิเศษเพื่อดำเนินการต่อไป
3. เรื่องการดำเนินการเกี่ยวกับการยึดสิ่งของ จากการค้นครั้งที่ 1 จำนวน 4 เป้าหมาย จากการค้นครั้งที่ 2 ยึดตู้คอนเทนเนอร์ บริเวณอาคารจอดรถ สถานที่ก่อสร้าง และจากการค้นครั้งที่ 3 แพลนท์ปูนของบริษัท ทีพีไอ คอนกรีต จำกัด จำนวน 7 เป้าหมาย โดยสิ่งของที่ตรวจยึดไว้จะมีการพิจารณาว่าส่วนใดสามารถนำไปใช้เป็นพยานหลักฐานในการประกอบการพิจารณาคดีได้ หากไม่เกี่ยวข้องจะทำการคืนให้กับบริษัทต่อไป