นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าใน ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวั (ครม.) วันนี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งให้จัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา เรียกโดยย่อว่า "ศบ.ทก." เพื่อบูรณาการการปฏิบัติงานของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา โดยมุ่งหมายที่จะแก้ไขความตึงเครียดและความขัดแย้งที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดนกับประเทศกัมพูชาอย่างมิตรประเทศ ที่ใฝ่สันติจะพึงปฏิบัติต่อกัน บนหลักการทวิภาคีและด้วยสันติวิธีเคารพซึ่งกันและกันในเอกราช อธิปไตย ความเสมอภาค และบูรณภาพแห่งดินแดน
ด้านพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม เปิดเผยว่า ในช่วงบ่ายวันนี้จะมีการประชุมศูนย์เฉพาะกิจสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชานัดแรก ศบ.ทก. ดังกล่าวจะเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เช่น การปิดด่านบ้านแหลมและด่านผักหาดหอม จังหวัดจันทบุรี ทำให้ไม่สามารถขนส่งผลไม้ไทยข้ามแดนไปได้ ซึ่งได้เสนอนายกรัฐมนตรี และนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้ทางกระทรวงพาณิชย์รับซื้อผักผลไม้ทั้งหมด รวมถึงเชิญชวนภาคเอกชนมาช่วยซื้อ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ หรือในอนาคตทางกัมพูชาปิดด่านอื่นไม่ให้นักเรียนเข้ามาเรียนหนังสือก็ต้องหารือกับกระทรวงศึกษาธิการในการแก้ไขปัญหา ตรงนี้ถือเป็นความจำเป็นที่ต้องตั้งหัวหน้าแต่ละหน่วยงานเข้ามาอยู่ใน ศบ.ทก.นี้
นอกจากนี้ ศบ.ทก. จะมีการตั้งโฆษกเพื่อชี้แจงข่าวสารเชิงรุก โดยให้ พล.ร.ต.สุรสันต์ คงศิริ ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพไทย และรองโฆษกกองทัพไทย ทำหน้าที่โฆษก รับผิดชอบการแถลงข่าวงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องความมั่นคง และอธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ แถลงด้านงานต่างประเทศ ซึ่งจะต้องทำหน้าที่ชี้แจงในทุกประเด็น ไม่ว่าจะเป็นประเด็นในโซเชียลอย่างกรณีสมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภาของกัมพูชา และอดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาโพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียแบบรายวัน เพื่อชี้แจงประชาชนให้เกิดความเข้าใจ ซึ่งจะเริ่มทำงานตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป โดยการทำงานจะคล้ายกับ ศปก.ศบค.ที่ผ่านมา เพราะมีทั้งงานเฉพาะหน้า และงานระยะยาว แต่ยืนยันว่าศูนย์เฉพาะกิจฯ จะไม่ก้าวก่ายงานของหน่วยงานอื่น เช่น กระทรวงการต่างประเทศ และกองทัพ
ส่วนชื่อ ศบ.ทก. กำลังให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกตรวจสอบให้อยู่ แต่ปัจจุบันใช้คำว่าทีมไทยแลนด์ไปก่อน โดยจะใช้พื้นที่ของสภาความมั่นคงแห่งชาติ ( สมช.) เป็นสถานที่ทำงาน และจะใช้ตึกนารีสโมสรแถลงข่าว
ส่วนการพิจารณามาตรการตอบโต้นั้น พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า หากเป็นมาตรการที่อยู่ในอำนาจก็สามารถตกลงกันได้ ซึ่งการทำงานที่ผ่านมา เราดำเนินการอยู่แล้ว และมีการรวมตัวมาก่อนหน้านี้ เพียงแต่มาทำให้เป็นรูปแบบที่เป็นทางการ มาตรการตอบโต้บางอย่างก็จำเป็น หากทางกัมพูชาดำเนินการบางสิ่งบางอย่างที่ส่งผลกระทบต่อจุดผ่านแดนตามแนวชายแดน แต่อำนาจดังกล่าวต้องเสนอไปยังนายกรัฐมนตรีให้รับทราบและตกลงกัน นอกจากนี้ที่ผ่านมารัฐบาลกัมพูชาได้ขอให้ฝั่งไทยทำความเข้าใจกับสื่อมวลชนและประชาชน หรือสื่ออื่นๆ ไม่ให้เสนอข่าวสร้างความเกลียดชัง แต่ได้ชี้แจงไปว่าประเทศไทยให้อิสระเสรีกับสื่อ และประชาชนในการแสดงความคิดเห็น ซึ่งจะต่างกับทางกัมพูชาที่มีการเสนอเป็นแนวทางเดียวกัน
ส่วนที่จังหวัดสระแก้วห้ามคนไทยเดินทางข้ามไปกาสิโนฝั่งกัมพูชานั้นเป็น 1 ใน 4 มาตรการ เรื่องการเปิด-ปิดด่าน และยืนยันว่าเราเปิดด่านตลอดเวลา เพียงแต่กำหนดเวลาเปิด-ปิด จึงไม่อยากให้ใช้คำว่าปิดด่าน เพราะทางฝ่ายกัมพูชาหยิบไปเป็นประเด็น เราคำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชนทั้งสองฝั่ง เพราะเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในปัญหาเรื่องดังกล่าว ถึงแม้ว่าคนของกัมพูชาจะเชื่อทางฝั่งสมเด็จฮุนเซน ก็เป็นเรื่องของเขา แต่ก็มองว่า ชาวกัมพูชาอีกส่วนหนึ่งไม่น่าจะมีความคิดเช่นนั้น ขอวิงวอนให้สื่อลงข้อมูลให้ครบถ้วน ไม่เช่นนั้นตนก็จะโดนโจมตีว่าเป็นคนไทยหัวใจเขมรเหมือนที่ผ่านมา
"อยากขอร้องสื่อและประชาชนอย่านำเสนอให้เกิดความเกลียด เพราะคนกัมพูชาส่วนหนึ่งก็ทำงานอยู่ที่ประเทศไทยหลักแสนคน และอีกทั้งคนกัมพูชาทั้งประเทศ ไม่ได้คิดแบบนั้นเสมอไป จึงอยากให้ช่วยกัน เพราะทุกคนคงรู้ว่าเหตุการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา ที่เป็นเช่นนี้ เป็นเพราะคนกัมพูชาทั้งประเทศหรือไม่ การไปสร้างความเกลียดชังคนกัมพูชาทั้งหมดไม่น่าจะถูกต้อง" พล.อ.ณัฐพล กล่าว