นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ เปิดเผยว่า ได้เรียกประชุมผู้บริหารกระทรวงฯ เพื่อติดตามสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน โดยได้รับฟังรายงานผลการประชุมศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉิน (Rapid Response Center: RRC) ซึ่งเริ่มดำเนินงานตามข้อสั่งการของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรับฟังพัฒนาการในพื้นที่ทั้งในอิสราเอลและอิหร่าน ซึ่งสถานทูตไทยในอิหร่านได้เปิดศูนย์พักพิงสำหรับคนไทยแล้ว
ทั้งนี้ ตนได้กำชับให้ทุกภาคส่วนให้ความสำคัญกับการเตรียมแผนปฏิบัติการในกรณีที่จะต้องอพยพคนไทยให้พร้อม รวมถึงประเมินความเหมาะสมในการนำแผนการอพยพมาใช้ทันทีที่จำเป็น พร้อมขอให้คนไทยในประเทศทั้งสอง รวมถึงประเทศใกล้เคียงติดตามรับฟังข่าวสารอย่างใกล้ชิด พร้อมดาวน์โหลดแอพพลิเคชัน Thai Consular ของกรมการกงสุลไว้ เพื่อความสะดวกในการติดต่อสถานเอกอัครราชทูตของไทย
นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน เผยเตรียมพร้อมที่จะอพยพแรงงานไทยราว 4 หมื่นคนออกจากประเทศอิสราเอล เพื่อความปลอดภัยหากเกิดกรณีฉุกเฉินจากการสู้รบระหว่างประเทศอิหร่านกับอิสราเอล โดยจะขนส่งแรงงานไทยทางรถยนต์จากประเทศอิสราเอลไปขึ้นเครื่องบินหรือเรือที่ประเทศจอร์แดนกลับประเทศไทย ซึ่งล่าสุดยังไม่พบแรงงานไทยได้รับผลกระทบจากเหตุดังกล่าว
"เป็นเรื่องที่กระทรวงแรงงานค่อนข้างกังวล เพราะเป็นการสู้รบกับระหว่างประเทศอิหร่านกับอิสราเอลที่มียิงจรวดเข้ามาในประเทศอิสราเอลเยอะมาก แม้จะสามารถสกัดกั้นได้ 99% แต่บางส่วนอาจตกลงมาในแหล่งชุมชนได้" นายบุญสงค์ กล่าว
ทั้งนี้ขอความร่วมมือแรงงานไทยไม่แชร์ภาพจุดหลบภัย หรือสถานที่ทำงานเพื่อความปลอดภัย พร้อมลงทะเบียนกระทรวงแรงงานล่วงหน้า ปฏิบัติตามคำแนะนำสถานทูต และอย่าไปอยู่ในพื้นที่เสี่ยง