พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากทางฝ่ายกัมพูชาว่าจะขอเลื่อนนัดประชุมชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 27-28 มิ.ย.68 ออกไปก่อน โดยไม่ได้แจ้งเหตุผล ซึ่งตนได้ย้ำว่าการพูดคุยระหว่างไทย-กัมพูชานั้นจะเป็นการพูดคุยกันในทุกระดับ ทั้งระดับรัฐบาล กองทัพ และนายกรัฐมนตรี รวมไปถึงระดับกระทรวง ซึ่งการประชุม RBC นั้นประธานที่ประชุมจะเป็นแม่ทัพภาคที่ 2 ซึ่งไม่ใช่ว่าแม่ทัพภาคที่ 2 จะไปคุยกับแม่ทัพภาคที่ 4 ของกัมพูชาได้เลย ทั้งหมดจะต้องผ่านการพูดคุยของรัฐบาลทั้งสองฝ่ายแล้ว ดังนั้นทีมไทยแลนด์มีหน้าที่ในการช่วยสนับสนุนและการหารือ เช่น ให้นายกรัฐมนตรีทำการติดต่อกับผู้นำระดับสูงของกัมพูชา ซึ่งในการประชุม RBC มีเรื่องเดียวคือการปรับกำลังกองทัพ
ส่วนที่ทางกัมพูชาขอเลื่อนการประชุมไปนั้นแสดงถึงท่าทีไม่ต้องการเจรจาในระดับทวิภาคีหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า จริง ๆ แล้วอาจจะเกิดขึ้นจากความไม่เข้าใจกัน มีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เพราะการสื่อสารฝั่งไทยให้เสรีภาพกับทุกภาคส่วนจนทำให้กัมพูชาเกิดความสับสนว่า ข่าวใดมาจากรัฐบาล ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มีการสื่อสารกลับไปแล้วว่าผู้บริหารควรฟังจากปากผู้บริหาร จึงจำเป็นต้องใช้ช่องทางหลักจากการแถลงข่าวของศูนย์นี้ เพื่อป้องกันความสับสนของประชาชนคนไทยที่มีผลกระทบไปถึงฝั่งกัมพูชาด้วย
สำหรับการประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) นัดแรกมีผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง นอกจากนี้ยังมีทีมโฆษกกองทัพบกนำโดย พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เข้าร่วมด้วย
พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า คณะกรรมการฯ จะบูรณาการและขับเคลื่อนงานระยะสั้น ติดตามและให้ข้อเสนอแนะงานระยะยาว ซึ่งที่ประชุมจะทำหน้าที่แก้ไขปัญหาหากเกิดเหตุการณ์ในระยะสั้น ส่วนระยะยาวนั้นจะเป็นการสนับสนุนกระบวนการเจรจาแบบทวิภาคี และติดตามกระบวนการศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ทำหน้าที่สนับสนุนหากได้รับการร้องขอจากกระทรวงการต่างประเทศ โดยจะมีการประชุมทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ในเวลา 09.30 น.ยกเว้นวันอังคารที่จะมีการประชุมในเวลา 13.30 น. โดยหลังประชุมจะมีการแถลงข่าวและมีการถ่ายทอดสดผ่านสถานีโทรทัศน์ NBT เพื่อสื่อสารตรงไปยังประชาชน
การสื่อสารในครั้งนี้เป็นไปตามกระบวนต่าง ๆ ที่ได้คิดไว้แล้วหลังจากสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มีความเห็นชอบเมื่อวันที่ 6 มิ.ย.68 หลังจากนี้หากมีความเห็นชอบเพิ่มเติมจะส่งให้นายกรัฐมนตรีลงนามให้ความเห็นชอบได้ทันที แต่หากมีเรื่องไหนที่จะต้องเข้าในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และที่ประชุม สมช.ก็จะเป็นงานอีกระดับหนี่ง แต่ส่วนใหญ่ที่ประชุม สมช.ได้พิจารณาให้อำนาจกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไว้หมดแล้ว
ส่วนกรณีกองกำลังบูรพาออกมาตรการห้ามคนไทยข้ามไปทำงานในบ่อนปอยเปตฝั่งกัมพูชานั้น ตนยังไม่ได้รับรายงานสถานการณ์ที่หน้าด่าน เพราะวันนี้เป็นวันแรกในการยกระดับความเข้มข้น ซึ่งกองกำลังบูรพาได้รับการตอบรับจากฝั่งกัมพูชาในบางจุดของกองกำลังป้องกันชายแดน จ.จันทบุรี และ จ.ตราด ที่มีการปิดด่านไม่ให้รถขนส่งผักและผลไม้ของไทยเข้าไป แต่รถขนส่งของกัมพูชาข้ามมายังไทยได้ ในพื้นที่จึงออกมาตรการดังกล่าวเพื่อตอบโต้กับกัมพูชา ซึ่งเป็นอำนาจของ สมช.อยู่แล้ว หลังจากนี้ทีมไทยแลนด์จะทำหน้าที่เป็นผู้ประสานถึงมาตรการการตอบโต้กลับ
สำหรับชายแดนด่านคลองลึก อ.อรัญประเทศ-ปอยเปต ที่ทางฝั่งกัมพูชามีการตัดกระแสไฟจากฝั่งประเทศไทยแล้วไปใช้กระแสไฟจากเวียดนามแทน พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า เบื้องต้นประเทศไทยจะไม่ได้รับผลกระทบ แต่เรายืนยันจะไม่ใช้มาตรการตาต่อตาฟันต่อฟัน ทำให้แนวทางสันติวิธีที่กระทรวงการต่างประเทศที่ได้ขอมานั้นไม่เกิดผล เราจะต้องพิจารณาถึงผลกระทบต่อประชาชนตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา
พร้อมยืนยันว่าประเทศไทยไม่ได้มีคำสั่งตัดกระแสไฟ ทั้งในระดับนโยบายไม่มีแน่นอน รัฐบาลไม่มีคำสั่งให้มีการตัดน้ำตัดไฟ ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่กระแสข่าวที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด เพราะเดิมเป็นมาตรการแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่กำหนดไว้ว่าจะมีการตัดไฟในบางจุดเท่านั้น
ส่วนที่ฝั่งกัมพูชายืนยันว่าได้หันปากกระบอกปืนมาที่ประเทศไทยเป็นขั้นตอนของการป้องกันมาตุภูมินั้น พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ถูกแล้ว เพราะประเทศไทยก็หันปากกระบอกปืนไปที่กัมพูชาเหมือนกัน
พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ในอนาคตอยากจะให้มีการจัดเวทีสัมมนาโดยประสานงานกับสมาคมสื่อมวลชน เพื่อเชิญนักวิชาการมาแลกเปลี่ยนถึงการแก้ไขปัญหาระหว่างไทยและกัมพูชา เพราะตอนนี้มุมมองความคิดเห็นไปคนละทิศคนละทาง ทำให้รัฐบาลทำงานลำบาก เพราะประชาชนมีความเชื่อต่อนักวิชาการ พอรัฐบาลทำงานไปตามแนวนักวิชาการคนอื่นก็ถูกต่อว่า ดังนั้นจึงอยากได้ความคิดเห็นจากนักวิชาการหลาย ๆ คนมาเป็นข้อสรุปเพื่อเป็นทิศทางเดียวกัน ซึ่งหากได้ข้อสรุปก็จะนำมาเป็นแนวทางในการทำงานต่อไป