
นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์น้ำเขื่อนกิ่วลม-กิ่วคอหมา จังหวัดลำปาง กล่าวว่า สทนช. ได้บูรณาการร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) คาดการณ์ปริมาณฝนล่วงหน้า 6 เดือน (เดือนมิถุนายน-พฤศจิกายน 2568) พบว่า ในช่วงเดือนสิงหาคม-ตุลาคม จังหวัดลำปางจะมีปริมาณฝนตกหนักสะสมค่อนข้างมาก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่งได้ในบางพื้นที่ ดังนั้น การลงพื้นที่ในวันนี้เพื่อหารือร่วมกับหน่วยงานเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์อุทกภัยที่อาจเกิดขึ้น ทบทวนและปรับแผนการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและผลการคาดการณ์ เพื่อป้องกันและลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นให้เหลือน้อยที่สุด

โดยภาพรวมสถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดลำปาง ทั้งอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก จำนวน 872 แห่ง ปัจจุบันมีปริมาตรน้ำรวมอยู่ที่ 420.53 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 59% ของความจุเก็บกัก ซึ่งมากกว่าในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 นอกจากนี้ อ่างเก็บน้ำขนาดกลางและขนาดเล็ก จำนวน 30 แห่ง มีปริมาณน้ำรวมเฉลี่ย 78% โดยมีอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์มากกว่า 80% จำนวน 10 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำแม่ทะ, อ่างเก็บน้ำแม่เลียงพัฒนา, อ่างเก็บน้ำแม่ต๋ำน้อย, อ่างเก็บน้ำแม่ธิ, อ่างเก็บน้ำแม่ต๋ำตอนล่าง, อ่างเก็บน้ำแม่กึ๊ด, อ่างเก็บน้ำห้วยเกี๋ยง, อ่างเก็บน้ำแม่ปอน, อ่างเก็บน้ำห้วยแม่ยาว และอ่างเก็บน้ำห้วยแม่สัน

"ซึ่งจากการติดตาม 9 มาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2568 คาดการณ์ว่าอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำกิ่วลม อ่างเก็บน้ำกิ่วคอหมา อ่างเก็บน้ำแม่มอก และอ่างเก็บน้ำแม่จาง มีแนวโน้มที่จะมีปริมาณน้ำล้นความจุสูงสุดของอ่าง โดยที่ประชุมคณะอนุกรรมการอำนวยการด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ได้มีมติให้ปรับแผนการระบายน้ำเพื่อเร่งการระบายน้ำก่อนเข้าสู่ช่วงที่มีฝนตกหนักสะสมในช่วงเดือนสิงหาคม-ตุลาคม โดยให้อยู่ในเกณฑ์ความจุไม่เกิน 80% ของความจุอ่าง เพื่อให้มีพื้นที่ว่างสำหรับรองรับน้ำหลาก ซึ่งจะช่วยลดการเร่งระบายน้ำในช่วงที่มีฝนตกหนัก สามารถบรรเทาผลกระทบและลดความเสียหายบริเวณพื้นที่ด้านท้ายเขื่อนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ" เลขาธิการ สทนช. กล่าว
ทั้งนี้ สทนช. จะติดตามและคาดการณ์สถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด โดยจะมีประชุมทบทวนและปรับแผนการระบายน้ำทุกเดือนตลอดช่วงฤดูฝนนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์จริง อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูแล้งถัดไป อ่างเก็บน้ำจะต้องกักเก็บน้ำได้มากที่สุดเพื่อใช้เป็นแหล่งน้ำสำรองในการอุปโภคบริโภค การเกษตร และรักษาระบบนิเวศต่อไป
สำหรับภาพรวมการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดลำปาง ปัจจุบันมีอาคารชลศาสตร์ 118 แห่ง และสถานีโทรมาตร 16 แห่ง มีความพร้อมใช้งานแล้วทั้งหมด ส่วนความพร้อมของสถานีเตือนภัยล่วงหน้า (Early Warning System) ทั้งหมด 110 แห่ง พร้อมใช้งาน 86 แห่ง อยู่ระหว่างการตรวจสอบ 19 แห่ง และใช้งานไม่ได้ 3 แห่ง ได้แก่ สถานี STN0884 (บ้านปางต้นหนุน) และสถานี STN0534 (บ้านปางยาว) เนื่องจากจุดติดตั้งเดิมสัญญาณ GPRS ไม่เสถียร ต้องดำเนินการหาจุดติดตั้งใหม่ และสถานี STN1815 (บ้านทุ่งโป่ง) มีแผนปรับปรุงย้ายจุดเชื่อมต่อไฟฟ้าใหม่ ด้านความพร้อมของเครื่องตรวจติดตามการเคลื่อนตัวของมวลดิน ใช้การไม่ได้ 2 แห่ง ได้แก่ ตำบลทุ่งกว๋าวและตำบลแจ้ซ้อน อำเภอเมืองปาน จังหวัดลำปาง ซึ่งจะได้รับจัดสรรงบประมาณซ่อมแซมในปี 2569 ทั้งนี้ ได้กำชับให้หน่วยงานต่างๆ เตรียมแนวทางการแก้ไขหากเกิดกรณีฉุกเฉินไว้ล่วงหน้า อาทิ การจัดเตรียมทีมเจ้าหน้าที่และอะไหล่สำรองที่จำเป็นสำหรับการซ่อมบำรุงเครื่องจักรเครื่องมือให้พร้อมใช้งานตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งจัดเตรียมแผนสำรองในการใช้สถานีเตือนภัยล่วงหน้าข้างเคียง สำหรับใช้ติดตามพื้นที่เสี่ยงภัยเพื่อแจ้งเตือนสถานการณ์ให้กับประชาชนในพื้นที่รับทราบได้อย่างทันท่วงที
"นอกจากนี้ สทนช. ได้ติดตามตรวจสอบความมั่นคงปลอดภัยของพนังกั้นน้ำ คันกั้นน้ำ และทำนบกั้นน้ำแม่น้ำวังที่อยู่เหนือฝายหลวงสบอาง พบว่า ขณะนี้พร้อมใช้งานทุกแห่ง แต่หากพบว่าเกิดชำรุดหรือมีจุดคันดินต่ำกว่าระดับน้ำ ให้หน่วยงานเร่งรัดปรับปรุงซ่อมแซมให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อทันรองรับสถานการณ์น้ำหลาก ในส่วนการตรวจสอบประสิทธิภาพการระบายน้ำในทางน้ำ ความตื้นเขินและการกำจัดวัชพืช กรมชลประทานโดยสำนักงานชลประทานที่ 2 ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการกำจัดวัชพืชภายในอ่างเก็บน้ำเขื่อนกิ่วลม นอกจากนี้ยังมีแผนกำจัดวัชพืชภายในโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่วังด้วย ทั้งนี้ หากการดำเนินการดังกล่าวล่าช้ากว่าแผน จะปรับแผนโดยระดมเครื่องจักรเครื่องมือสนับสนุนเพิ่มเติม เพื่อเร่งกำจัดวัชพืชและสิ่งกีดขวางทางน้ำ ซึ่งจะช่วยให้การระบายน้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และลดโอกาสที่จะเกิดน้ำท่วมขังในพื้นที่" เลขาธิการ สทนช. กล่าวในตอนท้าย