
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เปิดเผยว่า ที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้ทบทวนมาตรการต่าง ๆ ในการดูแลพื้นที่ชายแดนทั้งหมด โดยพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังใช้มาตรการเดิมที่เน้นสันติวิธี และหลีกเลี่ยงผลกระทบไม่ให้ประชาชนสองฝ่ายได้รับความเดือดร้อน และสนับสนุนให้มีการเจรจาของทั้งสองฝ่าย
ส่วนการปิดด่านผ่านแดนยังอยู่ในขั้นที่ 1 และ 2 คือ การจำกัดเวลาเข้า-ออก และการอนุญาตตัวบุคคล สิ่งที่กัมพูชาประกาศมาตรการใด ๆ ออกมา โดยเฉพาะเรื่องการปิดด่านต่าง ๆ เป็นเหตุและผลของกัมพูชา ขณะที่ไทยยังยืนยันในความจริงใจที่จะแก้ไขปัญหา
นายภูมิธรรม กล่าวว่า การดำเนินมาตรการ Seal Stop Safe อยากให้กลับไปทบทวน และเร่งประเมินผลสิ่งที่ดำเนินการไปในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา ว่ายังต้องคงมาตรการตัดน้ำ-ไฟฟ้าอยู่หรือไม่ เพราะขณะนี้ ชายแดนที่เคยมีปัญหาเริ่มคลี่คลายลงแล้ว แต่ยังมีบางส่วนที่เข้าไปลึกกว่านั้นก็ต้องดูว่าจะจัดการอย่างไร โดยมอบหมายให้คณะกรรมการชุดเล็กไปพิจารณาดำเนินการ
ส่วนที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เสนอให้ยกเลิกการจัดกิจกรรมครบรอบการสถาปนาความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชานั้น ยังไม่ได้มีการเสนอเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม สมช. เพราะคิดว่ามาตรการที่ดำเนินการขณะนี้ ไทยต้องการแสดงให้เห็นถึงความจริงใจในการแก้ปัญหา และรักษาจุดยืนที่จะพยายามแสวงหาความร่วมมือในการแก้ปัญหาให้ไปอยู่ในจุดเมื่อปี 2567 ถ้าเปลี่ยนแปลงมาตรการ และมีผลกระทบในด้านใด ก็พร้อมที่จะดำเนินการตามสถานการณ์
ทั้งนี้ ขอให้ความรุนแรงเป็นสิ่งสุดท้ายที่จะเกิดขึ้นในการแก้ปัญหา หากถามว่าพร้อมหรือไม่ ก็ยืนยันว่ามีความพร้อม แต่ไม่อยากให้เกิดความสูญเสียของประชาชนทั้งสองฝ่าย
กรณีที่แม่ทัพภาคที่ 2 ระบุว่าปัญหาความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา น่าจะจบก่อนที่จะเกษียณอายุราชการในเดือน ก.ย.นั้น เป็นการประเมินสถานการณ์ ซึ่งได้รับรายงานว่ามีแนวโน้มดีขึ้น ดังนั้นรัฐบาลจึงระมัดระวังในการใช้มาตรการต่าง ๆ ที่จะไม่เป็นการโหมให้สถานการณ์ลุกลามขึ้นมาอีก
"ต้องใจเย็น ต้องรักษาเอกราชอธิปไตยของประเทศ และผลประโยชน์แห่งชาติของประเทศ ทุกอย่างดำเนินการตามหลักสากล และได้ชี้แจงยืนยันทุกอย่างให้ประเทศต่าง ๆ ได้รับทราบแล้ว" นายภูมิธรรม กล่าว
สิ่งสำคัญในขณะนี้ คือการแก้ไขปัญหาสแกมเมอร์ โดยมอบหมายให้ส่วนที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตั้งฮับขึ้นมาดูแลแก้ไขปัญหาในภูมิภาค โดยไทยจะเป็นเจ้าภาพในการประสานงาน