นายอนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ และผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุน และการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ระบุหากประเทศไทยไม่สามารถแก้ไขปัญทางการเมืองได้ด้วยกลไกรัฐสภาและครรลองของระบอบประชาธิปไตยจนนำไปสู่การเปิดรัฐประหารขึ้นมาอีก นอกจากเศรษฐกิจไทยจะเผชิญกับวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจอันเป็นผลจากการขาดความเชื่อมั่นต่อระบบสถาบันต่าง ๆ ในสังคมไทยแล้ว เราจะเข้าสู่ทศวรรษแห่งความถดถอยและสูญหายอีกครั้งหนึ่ง ปิดโอกาสประเทศไทยในการก้าวสู่ประเทศพัฒนาแล้วทันที และอาจตกหล่นจากประเทศรายได้ระดับปานกลางระดับบน เป็นประเทศรายได้ระดับปานกลางระดับล่างได้ในอนาคต สังคมไทยต้องการ รัฐบาลที่มีความสามารถ มีความชอบธรรมและสุจริตเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นและบริหารประเทศได้ตามเป้าหมายเพื่อสาธารณประโยชน์อย่างเต็มประสิทธิภาพ
รัฐบาลชอบธรรมต้องมาจากประชาชน มาจากการเลือกตั้ง หากมาด้วยการรัฐประหารหรือวิธีการอื่น ๆ อันไม่เป็นไปตามหลักการประชาธิปไตยย่อมก่อปัญหาความเชื่อมั่นจากประชาคมโลกได้ ประเทศที่มีรัฐประหารบ่อยไม่มีประเทศไหนที่เจริญก้าวหน้ามากขึ้น และประเทศที่มีรัฐประหารส่วนใหญ่เป็นประเทศด้อยพัฒนาและยากจนในแอฟริกา ปัจจุบันประเทศในละตินอเมริกาส่วนใหญ่ที่เดิมเคยมีรัฐประหารบ่อย ๆ ก็ได้ก้าวข้ามพ้นระบอบรัฐประหารสู่รัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งแล้ว แม้หลายประเทศยังมีระบอบประชาธิปไตยอ่อนแอ แต่กองทัพก็ปล่อยให้ประชาธิปไตยมีพัฒนาการไปตามเงื่อนไขที่เกิดขึ้นโดยไม่เข้าแทรกแซง ทำให้การฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจสามารถเกิดขึ้นได้ดีขึ้น สามารถลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสร้างความเป็นธรรมทางสังคม
ความเสี่ยงทางการเมืองจะฉุดรั้งภาคการลงทุนและชะลอการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทย การลงทุนเพื่อพัฒนาทักษะแรงงาน ลงทุนวิจัยและนวัตกรรมจะไร้ทิศทางและขาดประสิทธิภาพและประสิทธิผลจากความไม่แน่นอนของนโยบายความไม่ต่อเนื่องและไม่มีเสถียรภาพทำให้นักลงทุนต่างชาติไม่กล้าเข้ามาลงทุนโครงการขนาดใหญ่และระยะยาวในประเทศไทย การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment-FDI) อยู่ในระดับต่ำในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา กระเตื้องขึ้นเล็กน้อยในระยะหลังแต่ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มอาเซียนอย่างมาก นอกจากปัญหาวิกฤตทางการเมืองที่เกิดขึ้นจะกดทับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังและต่อเนื่องถึงปีหน้าได้หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้น
นโยบายสนับสนุนการลงทุนและส่งออกที่ผ่านมาเองก็ไม่ค่อยสอดคล้องกับพลวัตเศรษฐกิจโลกและตลาดโลกยุคใหม่ ฐานการผลิตของธุรกิจอุตสาหกรรมจำนวนไม่น้อยยังคงผูกกับเทคโนโลยีแบบเดิมซึ่งถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยีใหม่ เช่น ความต้องการ Hard Disk Drive (HDD) ในตลาดโลกลดลงอย่างมาก เพราะถูกแทนที่โดยเทคโนโลยีใหม่ Solid State Drive (SSD) และสินค้าส่งออกหลายตัวของไทยเชื่อมโยงกับการค้าโลกน้อยลง นอกจากนี้คู่ค้าสำคัญอย่างจีนก็ใช้ยุทธศาสตร์ Dual Circulation เพิ่มอุปสงค์ในประเทศและลดการพึ่งพาปัจจัยการผลิตจากต่างประเทศ ทำให้นำเข้าสินค้าและวัตถุดิบจากไทยน้อยลงในอนาคต ขณะที่คู่ค้าสำคัญอย่างสหรัฐฯ ก็ใช้มาตรการกีดกันทางการค้าปกป้องอุตสาหกรรมและตลาดแรงงานภายใน
นอกจากนี้ ธุรกิจอุตสาหกรรมไทยยังมีอัตราการใช้ประโยชน์จากสิทธิประโยชน์ข้อตกลงการค้าเสรี FTA ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอาเซียน และ การขยายร่วมมือทางการค้าเสรียังจำกัด เนื่องจากไทยอยู่ภายใต้ระบอบ คสช. มายาวนานและหลายประเทศมีกฎหมายห้ามไม่เจรจากับประเทศที่อยู่ภายใต้ระบอบรัฐประหาร
ความยากลำบากทางเศรษฐกิจ หนี้สินเพิ่มขึ้น รายได้ลดลง ไม่มีเงินออมหลังเกษียณ เป็นภาวะที่ประชาชนส่วนใหญ่ต้องเผชิญในอนาคต ชนชั้นกลางจำนวนไม่น้อยอาจตกหล่นลงมาเป็นกลุ่มประชาชนยากจนและรายได้น้อยมากขึ้น นอกจากนี้สังคมไทยยังขาดความเตรียมพร้อมในการรับมือพลวัตของการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะ AI หรือ ปัญญาประดิษฐ์ คนจำนวนไม่น้อยจะว่างงานจากทักษะที่ไม่สอดรับการทำงาน การผลิตแบบใหม่ที่ต้องทำงานร่วมกับ AI และ AI อาจจะมาแทนที่แรงงานมนุษย์จำนวนมาก
การศึกษาเพื่อพัฒนาระบบบำนาญให้มีความเพียงพอต่อการดำรงชีพหลังเกษียณและหลุดพ้นจากระดับความยากจนในวัยชรามีความสำคัญ รวมทั้งควรมีการศึกษาเพื่อให้มีการพัฒนาระบบประกันรายได้ขั้นต่ำเพื่อให้ประชาชนทุกคนมีความมั่นคงของชีวิตในยุค Ai ประเทศไทยประสบกับปัญหาความไม่สอดคล้องระหว่างความต้องการและอุปทานในตลาดแรงงานแล้วยังจะประสบปัญหาการขาดแคลนแรงงานจากสังคมสูงวัยอีกด้วย
การผลิตคนสู่ภาคการผลิตของเรายังไม่ได้อิงกับอุปสงค์ของระบบเศรษฐกิจเท่าไหร่นัก สถาบันการศึกษาเลือกผลิตคนตามความพร้อมของตน นอกจากนี้ระบบการศึกษายังผลิตคนตามความนิยมและค่านิยมในการเรียนมากกว่าความต้องการจริง ๆ ในระบบเศรษฐกิจ ระบบการศึกษาไทย จึงเป็น Supply Driven Education System คุณภาพทางด้านการศึกษาระดับสูงของไทยลดลงอย่างต่อเนื่องเนื่องจากการลงทุนทางด้านวิจัยและการค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการอุดมศึกษาไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ความด้อยลงของคุณภาพการศึกษาสะท้อนมาที่แรงงานที่ไม่มีคุณภาพ นอกจากนี้ระบบการศึกษายังไม่ได้เตรียมคนสำหรับเศรษฐกิจในยุคหุ่นยนต์และ AI ให้ได้แรงงานที่มีทักษะแบบใหม่ ขณะที่ตำแหน่งงานบางอย่างจะหายไปจากตลาดแรงงานเพราะถูกแทนที่โดยหุ่นยนต์และ AI ทั้งหมด
ระบบการคุ้มครองแรงงานของไทยนั้นได้มาตรฐานสากล แต่สามารถพัฒนาสิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้นได้อีกตามมาตรฐานต้นแบบของประเทศยุโรปเหนือ การกินดีอยู่ดี การได้รับความคุ้มครองในเรื่องพื้นฐานของคุณภาพชีวิตที่ดีเป็นก้าวสำคัญในการนำสังคมไทยสู่ประเทศพัฒนาแล้วที่มีประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง แม้ประเทศที่มีระบบประกันสังคมที่ดีที่สุดก็ยังต้องมีการปรับเปลี่ยนและปฏิรูปตลอดเวลา ไทยก็เช่นเดียวกันจำเป็นต้องเดินหน้าปฏิรูประบบประกันสังคมเพื่อความยั่งยืน พร้อมเพิ่มสิทธิประโยชน์ผู้ประกันตน การเดินหน้าดูแลสวัสดิการของรัฐบาลให้กับประชาชนนั้น เรื่องที่ต้องทำไปพร้อมกัน คือ ต้องปรับเปลี่ยนระบบราชการให้โปร่งใสมีประสิทธิภาพก่อน คือต้องปฏิรูประบบราชการครั้งใหญ่พร้อมกับการกระจายอำนาจการจัดระบบสวัสดิการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
เรื่องที่สอง คือ ต้องปฏิรูปรายได้ภาครัฐและเพิ่มภาษี ประเทศแถบสแกนดิเนเวียที่เป็นประเทศรัฐสวัสดิการเต็มรูปแบบจะมีสัดส่วนรายได้ภาษีอยู่ที่ระดับ 42-48.9% ของจีดีพี อย่างเดนมาร์ก มีสัดส่วนรายได้ภาษีต่อจีดีพีอยู่ที่ 48.9% สวีเดนอยู่ที่ 48.2% โดยประเทศพัฒนาใน OECD มีสัดส่วนรายได้ภาษีต่อจีดีพีเฉลี่ยอยู่ที่ 35% สหรัฐอเมริกาที่ใช้แนวคิดปัจเจกนิยมเสรี (Liberal Individualism) กับ แนวคิดสังคมนิยมประชาธิปไตย (Social Democracy) ผสมกันในจัดระบบสวัสดิการโดยรัฐขึ้นอยู่กับว่า พรรคแดโมแครต หรือ พรรครีพับรีกัน พรรคไหนเป็นรัฐบาล
ประเมินจากฐานะการเงินการคลังของประเทศ รายจ่ายด้านสวัสดิการสังคม โครงสร้างประชากรล่าสุด สภาวะเศรษฐกิจและสังคมของไทย คาดว่าต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 10 ปีจึงจะบรรลุเป้าหมายการมีระบบรัฐสวัสดิการที่มีมาตรฐานแบบยุโรปเหนือ จำเป็นต้องมีรัฐบาลที่มีนโยบายสร้างระบบรัฐสวัสดิการทำงานต่อเนื่องอย่างน้อยสองวาระจึงจะบรรลุเป้าหมายได้ เป้าหมายนี้อาจเป็นจริงได้ยากหากรัฐบาลไม่มีเสถียรภาพ โครงสร้างอำนาจและระบบพรรคการเมืองต้องมีการเปลี่ยนแปลงให้เกิด Strong and Accountable Government แต่ควรเป็นระบบรัฐสวัสดิการที่มีความยืดหยุ่นเพื่อเลี่ยงวิกฤติการคลังเช่นประเทศยุโรปบางประเทศในอีกด้านหนึ่ง หากไม่เร่งดำเนินการผู้สูงอายุที่ยากจนจะประสบความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจและการดำรงชีวิตอย่างมาก และสังคมไทยก็ได้ก้าวสู่สังคมสูงวัยเต็มรูปแบบแล้ว ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ และความไม่เป็นธรรมทางสังคมจะเพิ่มขึ้นอีก และอาจเป็นเงื่อนไขในการเกิดความไม่สงบเรียบร้อยในสังคม (Social Unrest) ได้ โครงสร้างประชากรที่เข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างรวดเร็ว ส่วนใหญ่มีเงินออมไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพและไม่อยู่ในระดับบำนาญใดๆจะเป็นปัญหาวิกฤติในอนาคตอันใกล้ ประชากรในวัยทำงานลดลงอย่างมาก ต้องอาศัยแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้าน
การศึกษานโยบายการเพิ่มประชากรผ่านการตั้งถิ่นฐานใหม่ของแรงงานทักษะสูงการศึกษาสูงเป็นเรื่องที่ควรมีการเตรียมการเอาไว้ กระบวนการการให้สัญชาติไทย ต้องมีความโปร่งใสและเป็นประโยชน์ต่อสังคมไทยโดยองค์รวม