
เมี๊ยวววว !! หันไปทางไหนตอนนี้ก็เจอแต่คนเลี้ยง "แมว" ? ถ้าไม่เชื่อลองมองไปรอบตัวคุณก็ต้องเจอสักคนหนึ่นที่เลี้ยงแมว หรือไม่ก็คุณเองนั่นแหละที่กำลังเป็น "ทาสแมว" อย่างถอนตัวไม่ขึ้น
และบอกเลยว่าปี 68 นี้วงการธุรกิจ "ทาสแมว" ยังคึกคักและเติบโตอย่างต่อเนื่อง สวนทางกับภาวะเศรษฐกิจที่ดูซึม ๆ เรียกได้ว่า "คนอดได้แต่แมวต้องอิ่ม" ประโยคนี้ไม่เกินจริงอีกต่อไป !!
วันนี้ "อินโฟเควสท์" ชวนนางสาวเกวลิน หวังพิชญสุข รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด มาเจาะลึกปรากฏการณ์ "ทาสแมว" ฟีเวอร์เต็มบ้านเต็มเมือง หรือแมวกำลังจะครองโลกแล้วจริง ๆ !?
คำตอบคือ "จริง" เพราะจากข้อมูลในระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา พบว่าคนไทยนิยมเลี้ยงน้องแมวมากขึ้นประมาณ 30% ต่อปี ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับน้องหมาจะอยู่ที่ 21% ต่อปีเท่านั้น
1) "ขนาดไม่ใหญ่" สะดวกในการเลี้ยง ใช้พื้นที่น้อยกว่าน้องหมา
2) "พกพาสะดวก" พาไปนอกสถานที่ได้ง่าย
3) "รักอิสระ" ไม่ต้องทำกิจกรรมร่วมกับเจ้าของมากนัก
4) "เซเลปคนดังโดนตก" หันมาเป็นทาสแมวกันเพียบจนกลายเป็นกระแส
แม้จำนวนทาสแมวจะเติบโตอย่างไว แต่ปัจจุบันน้องหมาก็ยังเป็นแชมป์ครองใจทาสชาวไทย โดยพบว่าประชากรน้องหมาที่มีเจ้าของอยู่ที่ 4.2 ล้านตัว ขณะที่เหล่าน้องแมวที่มีเจ้าของอยู่ที่ 2.4 ล้านตัว แต่จากอัตราการเลี้ยงแมวที่เติบโตแรงในช่วงนี้ ก็ต้องจับตาดูว่าสุดท้ายแล้วใครจะครองบัลลังก์ !!
ตลาดสัตว์เลี้ยงในไทยปี 68 ตอนนี้มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 80,000 ล้านบาท ซึ่งในตลาดนี้ครอบคลุมทั้ง ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง การรักษาพยาบาล รวมถึงอุปกรณ์อื่น ๆ เช่น ของเล่น เครื่องแต่งกาย และสารพัดสิ่งที่พร้อมให้ทาสเปย์ให้เจ้านายได้อีกมากมาย และหากโฟกัสแค่ตลาดเจ้าเหมียวอย่างเดียวก็ฟาดไปแล้วกว่า 30,000 ล้านบาท !
เฉลี่ยแล้วเหล่าทาสควักกระเป๋ากันอยู่ที่ 1,000-1,500 บาท/ตัว/เดือน ส่วนใหญ่คือค่าอาหารที่ยอมจ่ายอย่างไม่อั้น !! เพราะพบว่าเหล่ามนุษย์จะยอมจ่ายมากขึ้นเมื่อเห็นแมวที่เลี้ยงกินได้เยอะ หรือในแมวที่ป่วยต้องให้อาหารเฉพาะทาง แพงแค่ไหนก็ยอม ตรงนี้ก็สะท้อนถึงความยอมจ่ายเพื่อเจ้านายอันเป็นที่รัก
นอกจากนี้ก็จะเป็นค่าใช้จ่ายเรื่องการรักษาพยาบาล การทำหมัน ฉีดวัคซีน ส่วนที่เหลือก็เป็นอุปกรณ์จำเป็น อาทิ ทรายแมว หรือ อุปกรณ์อื่น ๆ ที่แล้วแต่ทาสอยากเอาใจ
จากค่าเลี้ยงดูแมวที่ 1,000-1,500 บาท/ตัว/เดือน มองเห็นเทรนด์ที่มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นตามต้นทุนของผู้ผลิต ยกตัวอย่างเช่น ราคาอาหารสัตว์เลี้ยง ถ้าต้นทุนของผู้ผลิตเพิ่มขึ้น ก็จะดันราคาของสินค้าสูงขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง
ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ถามว่าเจ้านายสี่ขาจะถูกลดระดับความหรูหราลงไหม คำตอบคือ "ไม่" !! เพราะพบว่าทาสส่วนใหญ่ไม่ได้ลดงบให้เจ้านาย แต่กลับลดค่าใช้จ่ายของตัวเอง ประหยัดอย่างอื่น เพื่อเอาไปเปย์ให้แมว หรือสรุปง่าย ๆ ก็คือ ยอมอด เพื่อเอาไปปรนเปรอแมว !!
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองเห็นเทรนด์ทาสแมวยังโตต่อเนื่อง เพราะว่า
1) อัตราการเกิดของคนไทยลดลง :: คนหันมาเลี้ยงสัตว์มากขึ้น
2) จำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น :: ต้องการเพื่อนคลายเหงา
3) แมวตอบโจทย์ :: สะดวกในการเลี้ยง อย่างที่กล่าวไปข้างต้น
การเปิดธุรกิจใหม่เกาะเทรนด์ทาสแมว ท่ามกลางตลาดที่แข่งขันสูงอาจจะไม่ใช่ไอเดียที่ดีในช่วงนี้ เพราะสมมติเป็นธุรกิจอาหารสัตว์ก็ต้องเจอทั้งยักษ์ใหญ่ในตลาดไทยและต่างประเทศ หรือหากจะเปิดคลินิกก็ต้องมีความเชี่ยวชาญ มีใบรับรองเฉพาะทางตามกฎหมาย
ทางออกที่น่าสนใจ แนะนำเป็นการ "ปรับ" อาชีพหรือสิ่งที่เรามีอยู่ให้เข้ากับกระแสทาสแมว เช่น หากเป็นอินฟลูเอนเซอร์/พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ อาจต้องให้น้องแมวมาช่วยทำมาหากิน โผล่มาสร้างสีสันในคอนเทนท์เรียกลูกค้า หรือใครมีกิจการที่พัก-คาเฟ่ ก็ลองปรับให้เป็น Pet Friendly สอดรับกับจำนวนทาสแมวที่เพิ่มมากขึ้นนั่นเอง
สิ่งสำคัญ คือ เราต้องประเมินว่าจะนำแมวเข้ามามีส่วนร่วมกับธุรกิจที่มีอยู่ได้อย่างไร นี่คือแนวทางที่ปรับใช้ได้จริงและเข้าถึงกลุ่มทาสแมวได้ง่ายโดยไม่ต้องแข่งกับยักษ์ใหญ่ในตลาดทุกวันนี้
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่เทรนด์ชั่วคราว แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคครั้งใหญ่ที่พร้อมจะจ่ายไม่อั้น แม้ตัวเองต้องอด เพื่อแมวอันเป็นที่รัก ดังนั้นตลาดทาสแมวยังเป็นตลาดที่น่าจับตามอง แล้วคุณล่ะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในตลาดนี้แล้วหรือยัง !?
https://youtu.be/Cu6kFmW3tRw