จากกรณีมีกระแสข่าวในโซเชียลมีเดียว่าไทยสูญเสียการควบคุม "ปราสาทตาควาย" ให้แก่กัมพูชานั้น พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก (ทบ.) ได้ชี้แจงว่า ปัจจุบันยังไม่สามารถควบคุมได้ 100% แต่ได้พื้นที่ควบคุมเพิ่มมากขึ้นกว่าตอนที่มีการปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยช่วงปฏิบัติการก่อนหยุดยิงเจอปัญหาสนามทุ่นระเบิดบริเวณโดยรอบปราสาทตาควาย
ปัญหาเรื่องทุ่นระเบิดมีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่เรามีพยานหลักฐานชัดเจนว่ากัมพูชาละเมิดข้อตกลงฯ แม้การต่อสู้ทางการทหารอาจจะคลี่คลายลงไป แต่การต่อสู้ในเวทีต่างประเทศยังคงต้องดำเนินการต่อไป ซึ่งรัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศกำลังดำเนินการอยู่ ส่วนการเก็บหลักฐานเพิ่มเติมนั้นคงต้องรอในระยะต่อไป
"เราให้ความสำคัญสูงสุดเกี่ยวกับการควบคุมพื้นที่บริเวณในส่วนรวม เมื่อเวลาหมดเราสามารถคุมพื้นที่ได้มากกว่าเดิมเพียงแต่ไม่มีกำลังประจำอยู่ที่ปราสาทตาควาย...ไม่ได้หมายความว่าไปยืนอยู่ตรงนั้นคือชนะ" พล.ต.วินธัย กล่าวโฆษกกองทัพบก ระบุว่า กองทัพสามารถควบคุมพื้นที่บริเวณปราสาทตาควายได้มากกว่าช่วงก่อนเกิดเหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา แต่เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมีความแตกต่างจากจุดอื่น ๆ กองทัพจึงให้ความสำคัญที่จะยึดเนิน 350 ซึ่งเป็นพื้นที่ทางภูมิศาสตร์สำคัญต่อการปฏิบัติการทางทหาร ที่เป็นจุดสูงข่มสามารถใช้อาวุธโจมตีมาที่ตัวปราสาท ทำให้เราไม่สามารถวางกำลังทหารที่จะเป็นเป้านิ่งให้ถูกโจมตีด้วยอาวุธยิงได้
สำหรับการชี้แจงข้อกล่าวหาของกัมพูชานั้น ตนเชื่อว่าสังคมโลกให้การยอมรับและเชื่อถือในความตรงไปตรงมาของประเทศไทยในทุกระดับ ซึ่งกองทัพก็ต้องดำเนินการชี้แจงไปเพราะเหมือนมีเจตนาที่จะทำให้สังคมโลกเกิดความเข้าใจผิดในกองทัพและประเทศไทย กรณีที่ควบคุมตัวทหารกัมพูชาไว้ก็ดำเนินการตามความเหมาะสมในข้อหาลักลอบเข้าเมือง ไม่ได้เกินเลยไปถึงขั้นเป็นเชลยศึก
"ประชาชนน่าจะมีความเข้าใจว่ากองทัพได้ทำในสิ่งที่ดีที่สุด ไม่ได้มีอะไรที่เคลือบแคลงสงสัยใจ โดยในภาพรวมถือว่าได้ทำบรรลุเป้าหมาย 99%" พล.ต.วินธัย กล่าวส่วนการชี้แจงข้อเท็จจริงให้กับนานาชาตินั้นจะมีทั้งผู้ช่วยทูตทหาร เอกอัครราชทูต และสื่อต่างประเทศ โดยจะดำเนินการอย่างรอบคอบ เพื่อให้การสื่อสารเกิดคุณภาพส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ของประเทศ ซึ่งอาจจะต้องใช้ระยะเวลา โดยจะพาไปดูในสิ่งที่กัมพูชามีการบิดเบือนข้อมูล เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ ไม่ใช่การกล่าวหาลอย ๆ เช่น การโจมตีพลเรือน การโจมตีสถานพยาบาล การโจมตีโรงเรียน
ด้านนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชา ยังไม่มีฝ่ายใดยึดครองปราสาทดังกล่าวได้ เนื่องจากข้อตกลงหยุดยิงที่มีผลอยู่ในขณะนี้ ทำให้ทหารของทั้งสองฝ่ายควบคุมพื้นที่คนละด้านของโบราณสถาน ซึ่งฝ่ายไทยยังคงปฏิบัติตามข้อตกลงและเคารพกติกาสากลอย่างเคร่งครัด โดยไม่มีการดำเนินการทางทหารในพื้นที่มรดกทางวัฒนธรรม
ล่าสุดกองทัพภาคที่ 2 แถลงว่า เนื่องจากขณะนี้มีการหยุดยิงก่อน จึงยังไม่สามารถยึดพื้นที่เนิน 350 ของปราสาทตาควายได้ บริเวณตัวปราสาทยังคงมีกำลังของทั้งสองฝ่ายอยู่ในพื้นที่ ควบคุมพื้นที่คนละด้านของโบราณสถานห่างกัน 50 เมตร