นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยว่า การประชุมเลขานุการคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee GBC) ของฝ่ายไทยในวันที่สอง เวลา 09.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นมาเลเซีย เป็นการหารือเชิงเทคนิคและความมั่นคงกับฝ่ายกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงให้เกิดผลในทางปฏิบัติอย่างยั่งยืน
โดยการหารือในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อวางแนวทางการบริหารจัดการพื้นที่ชายแดนให้เกิดเสถียรภาพในระยะยาว โดยเฉพาะการยุติการกระทำที่อาจนำไปสู่ความขัดแย้งรอบใหม่ พร้อมยกระดับมาตรการคุ้มครองประชาชนในพื้นที่ให้มีความปลอดภัยสูงสุด
ในช่วงเช้าของวันนี้ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้เข้าร่วมประชุมผ่านระบบ VDO Conference เพื่อให้กำลังใจแก่คณะผู้แทนฝ่ายไทย พร้อมทั้งให้แนวทางสำคัญในฐานะผู้นำสูงสุดของกองทัพ โดยเน้นย้ำให้ยึดหลักกฎหมายของประเทศไทย กฎหมายระหว่างประเทศ ผลประโยชน์แห่งชาติ และศักดิ์ศรีของประเทศไทยเป็นหลักในการดำเนินงาน
นายจิรายุ กล่าวว่า คณะเจรจาของฝ่ายไทยดำเนินการอย่างรอบคอบรอบด้าน และใช้สติเป็นเครื่องมือในการสร้างสันติภาพ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนและประเทศชาติ ภายใต้หลักนิติธรรมระหว่างประเทศ โดยรัฐบาลจะเดินหน้าสร้างสันติภาพที่ยั่งยืนและถาวร ผ่านเวทีการหารือในทุกระดับ โดยยังคงยึดมั่นในเจตนารมณ์แห่งสันติวิธี แต่จะไม่ยอมให้ใครบิดเบือนข้อเท็จจริง หรือกระทำการที่ละเมิดต่อความมั่นคงและศักดิ์ศรีของประเทศได้
ด้านนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า การประชุม GBC ในวันที่สอง มีเป้าหมายชัดเจนให้มีการหยุดยิงถาวร พร้อมทั้งมีกลไกในการตรวจสอบที่โปร่งใส ซึ่งเมื่อวาน รมว.ต่างประเทศมาเลเซียได้โทรศัพท์มาชวนตนให้ไปพูดคุยกับ รมต.ต่างประเทศกัมพูชา ซึ่งตนได้ตอบกลับไปว่ายินดี แต่ตนอยากให้ความสำคัญต่อกลไกของ GBC มากที่สุด และอยากให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุดแล้วค่อยมานั่งพูดคุยกัน และได้ฝาก รมว.ต่างประเทศมาเลเซีย ช่วยดูแลไม่ให้ฝ่ายกัมพูชาใช้สงครามข่าวสารเพราะไม่เป็นผลดีต่อการเจรจา
ส่วนการฟ้องร้องฝ่ายกัมพูชานั้นจะมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาดูแล เพื่อให้ดำเนินการถูกต้องตามหลักเกณฑ์ของกฎหมายระหว่างประเทศ
สำหรับกรณีที่มีการปล่อยข่าวบิดเบือนนั้นขอให้ประชาชนใช้วิจารณญาณ ยกตัวอย่างเมื่อเช้าที่มีข่าวไทยมีแผนลอบสังหารประธานวุฒิสภา ฮุน เซน และนายกรัฐมนตรี ฮุน มาเนตนั้น นายมาริษ ระบุว่า ไทยไม่เคยมีความคิดเช่นนั้นเลย เพราะเป็นเรื่องที่ไม่สอดคล้องกับการดำเนินการตามกฎหมายระหว่างประเทศ กฎบัตรของสหประชาชาติ โดยตนได้สั่งการให้อธิบดีกรมสารนิเทศดำเนินการแถลงตอบโต้ในทันที
ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม และกองทัพ ได้ร่วมมือกันเผยแพร่ข่าวสารออกไปทั่วโลกอย่างเป็นเอกภาพโดยผ่านกลไกที่มีอยู่ และในวันที่ 7 ส.ค.68 ตนจะได้ประชุมร่วมกับสถานทูตไทยทั่วโลกผ่านระบบออนไลน์ เพื่อมอบหมายภาระหน้าที่ในการรณรงค์ชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อแก้ปัญหาสงครามจิตวิทยาและสงครามข่าวสารที่บิดเบือนอยู่ตลอดเวลา เป็นการตอบโต้ในทุกระดับทุกเวทีเพื่อแสดงให้เห็นถึงความจริงใจในการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี