นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ เพื่อที่จะรับรองข้อตกลงของการประชุมเลขานุการคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC)
พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม และรักษาการ รมว.กลาโหม กล่าวก่อนร่วมการประชุมว่า ทุกอย่างถือว่าเรียบร้อยดี ข้อเสนอทั้งกัมพูชาและไทยก็เห็นชอบด้วยกัน ส่วนรายละเอียดจะดูอีกครั้งในที่ประชุมวันนี้ ว่าตรงกับที่สมช.เคยเห็นชอบไว้หรือไม่ ซึ่งมีอยู่ประมาณ 14 ข้อ
ขณะที่ข้อตกลงหยุดยิงกับฝ่ายกัมพูชามี 8 ประเด็น อีก 6 ประเด็นเป็นเรื่องอื่น และแม้ว่าสื่อกัมพูชาจะรายงานว่าทางการกัมพูชาจะไม่ยอมรับกับข้อเสนอมากนัก แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหา เพราะเราคุยกันด้วยเอกสาร หากพูดผ่านสื่ออาจมีข้อมูลที่คลาดเคลื่อนก็ได้
พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่ากัมพูชามีความจริงใจที่จะหยุดยิง ซึ่งเป็นไปตามข้อตกลงของคณะเลขานุการ แต่ทั้งนี้ ต้องรอดูในระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ตนจะเดินทางไปร่วมประชุมในวันพรุ่งนี้ (7 ส.ค.) ซึ่งจะเป็นการวัดใจกัมพูชาในระดับที่ 2 ส่วนที่เหลือในระดับที่ 3 ต้องรอดูว่าเวลาปฏิบัติจริง ทางกัมพูชาจะทำตามข้อตกลงหรือไม่
"ส่วนตัวเห็นว่าเวลานี้ เกณฑ์ที่ได้ระบุไว้ถือว่าผ่านในระดับหนึ่งแล้ว เพราะทางเลขานุการ GBC กัมพูชา ได้มีการตอบรับข้อเสนอของไทย และตลอด 3 วันที่ผ่านมา ผลประชุมเป็นที่น่าพอใจ แต่ในคณะกรรมการ GBC ไม่มีการพูดถึงเรื่องการปักปันเขตแดน ซึ่งเรื่องนี้จะต้องเข้าสู่ที่ประชุมการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC)" พล.อ.ณัฐพล ระบุพร้อมย้ำว่า การพูดคุยของฝ่ายไทยยึดถือผลประโยชน์ของชาติ และอธิปไตยของไทยเป็นหลัก และหลังจากนี้ จะต้องมาดูในเรื่องของการเรียกร้องค่าเสียหายของฝ่ายพลเรือนด้วย
รักษาการ รมว.กลาโหม ยังมองว่า หลังจากมีการพูดคุยในระดับ GBC แล้ว เชื่อว่าการพูดคุยในระดับอื่น ๆ น่าจะมีความง่ายขึ้น และการพูดคุยต่อไปก็จะเป็นในระดับล่าง หรือการพูดคุยคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค เป็นกลไกทวิภาคีของฝ่ายทหาร (RBC) โดยจะจะเป็นรายละเอียดของการหยุดยิง หรือการปรับกำลัง ก็จะเป็นหน้าที่ของ RBC ที่จะไปพิจารณาต่อ ให้มีความชัดเจนในการปฏิบัติมากขึ้น
ส่วนการยกเลิก MOU 43 นั้น พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า MOU 43 ยังเป็นช่องทางที่ใช้กล่าวหากัมพูชาได้ในเวทีนานาประเทศ ว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายทำผิด MOU 43 แต่ถ้าไม่มีข้อตกลงดังกล่าว ก็จะไม่มีข้ออ้างอิงที่จะไปกล่าวหากัมพูชาได้เลย ดังนั้นถือว่า MOU 43 ยังเป็นประโยชน์อยู่
พล.อ.ณัฐพล กล่าวถึงกรณีในการประชุมวันพรุ่งนี้ ที่จะมีผู้สังเกตการณ์ร่วมด้วยว่า ถือเป็นเรื่องที่ดี จะได้เป็นพยานให้กับไทย และจะช่วยในการกำกับว่าจะต้องเป็นไปตามข้อตกลงกันไว้ แต่อาจจะมีข้อเสีย คือ ควรจะเป็นการพูดคุยระดับทวิภาคีระหว่าง 2 ประเทศมากกว่า