ไทย-กัมพูชา: ศบ.ทก.เปิด 13 ข้อตกลงหยุดยิงในที่ประชุม GBC

ข่าวทั่วไป Thursday August 7, 2025 15:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ไทย-กัมพูชา: ศบ.ทก.เปิด 13 ข้อตกลงหยุดยิงในที่ประชุม GBC

ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยบันทึกการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) สมัยวิสามัญ ระหว่างราชอาณาจักรกัมพูชา กับราชอาณาจักรไทย เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2568 จำนวน 13 ข้อ ดังนี้

  • ข้อตกลงการหยุดยิง

1. ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน ในการหยุดยิงด้วยอาวุธทุกชนิด ทั้งการโจมตีบุคคลพลเรือน เป้าหมายทางพลเรือน และเป้าหมายทางทหารของแต่ละฝ่าย ในทุกกรณีและทุกพื้นที่ ทั้งสองฝ่ายต้องหลีกเลี่ยงการโจมตีที่ไม่ได้เกิดจากการยั่วยุต่อที่ตั้ง หรือกำลังของอีกฝ่ายหนึ่ง โดยจะต้องไม่ละเมิดข้อตกลงนี้โดยเด็ดขาด

2. ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน ให้วางกำลังที่มีอยู่ในพื้นที่โดยไม่มีการเคลื่อนย้ายกำลังที่ตั้งอยู่ นับตั้งแต่เวลาหยุดยิงเมื่อ 24.00 น. (เวลาท้องถิ่น) ของวันที่ 28 ก.ค.68 โดยจะไม่มีการเคลื่อนย้ายกำลัง รวมทั้งการลาดตระเวนเข้าไปยังที่ตั้งของฝ่ายตรงข้าม

3. ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน จะไม่มีการเพิ่มกำลังเข้ามาตลอดแนวชายแดนไทย - กัมพูชา ซึ่งหากมีการเพิ่มเติมกำลังเข้าในพื้นที่แล้ว จะเป็นการเพิ่มบรรยากาศความตึงเครียดระหว่างกันมากยิ่งขึ้น อันจะส่งผลกระทบต่อการแก้ไขปัญหาในระยะยาว

4. ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน ที่จะละเว้นจากการดำเนินการยั่วยุใด ๆ ที่อาจนำไปสู่ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการปฏิบัติการทางทหารเพื่อรุกล้ำเขตน่านฟ้า ดินแดน หรือที่ตั้งของอีกฝ่าย นับตั้งแต่เวลา 24.00 น. (เวลาท้องถิ่น) ของวันที่ 28 ก.ค.68 ซึ่งเป็นเวลาที่เริ่มหยุดยิง

โดยทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะละเว้นจากการก่อสร้าง หรือพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางทหาร หรือการเสริมความมั่นคงของที่ตั้งทางทหารล้ำออกไปนอกเขตของฝ่ายตน

5. ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน ในการงดเว้นการใช้กำลังทุกประเภทต่อบุคคลพลเรือน และเป้าหมายทางพลเรือนโดยเด็ดขาด ซึ่งนอกจากจะส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ชายแดนแล้ว ยังเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ และส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ในเวทีระหว่างประเทศของฝ่ายที่ไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง

6. ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน ในการปฏิบัติตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ในเรื่องการปฏิบัติต่อทหารที่อยู่ในความควบคุมของฝ่ายตรงข้าม ทั้งการดูแลในเรื่องความเป็นอยู่ ที่พักอาศัย อาหาร และการรักษาพยาบาลในกรณีได้รับบาดเจ็บ ทั้งนี้ กรณีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องการนำทหารหรือพลเรือนที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งไม่ได้อยู่ในความควบคุมของอีกฝ่ายเข้ามารักษาพยาบาล ฝ่ายที่จะรับรักษามีสิทธิในการพิจารณาตามความพร้อมของสถานพยาบาล เวชภัณฑ์ บุคลากรทางการแพทย์ หรือจรรยาบรรณทางการแพทย์เป็นรายกรณี

โดยทหารที่อยู่ในความควบคุม จะต้องได้รับการปล่อยตัว และส่งกลับประเทศโดยทันทีหลังจากยุติการใช้กำลังโดยสมบูรณ์ เพื่อให้เป็นไปตามข้อ 118 ของอนุสัญญาเจนีวาฉบับที่ 3 ค.ศ. 1949 และกฎข้อ 128 (A) ของกฎหมายจารีตประเพณีของกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันที่จะแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร และอำนวยความสะดวกในการส่งคืนร่างผู้เสียชีวิตอย่างสมเกียรติและโดยเร็ว ณ สถานที่ที่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบ โดยให้การเคารพอย่างเคร่งครัดต่อหลักการมนุษยธรรม และอธิปไตยโดยไม่มีการข้ามพรมแดน และรับประกันว่าจะมีมาตรการที่เหมาะสม เพื่อระบุอัตลักษณ์และจัดการศพภายใต้สภาพที่ถูกสุขลักษณะ และให้ความเคารพ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้เสียชีวิตสูญหายหลังความตาย

7. กรณีมีการขัดกันด้วยอาวุธทุกชนิด ไม่ว่าจะโดยเจตนาหรือไม่เจตนา ให้ทั้งสองฝ่ายร่วมกันหารือในระดับพื้นที่ ผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่โดยเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้ความขัดแย้งขยายตัวเป็นความขัดแย้งตลอดแนวชายแดน ซึ่งหากยืดเยื้อ จะทำให้กระทบต่อความปลอดภัยของประชาชนและทหารของทั้งสองประเทศ และเป็นการสร้างความตึงเครียดระหว่างกันเพิ่มมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้การแก้ไขปัญหาร่วมกันมีความยุ่งยาก และซับซ้อนมากยิ่งขึ้น

8. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะ:

8.1 ดำรงการสื่อสารตามปกติระหว่างภูมิภาคทหารและหน่วยต่าง ๆ ตามแนวชายแดนของทั้งสองฝ่าย และมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาในทุกประเด็นด้วยสันติวิธี และหลีกเลี่ยงการปะทะกัน

8.2 จัดการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ภายใน 2 สัปดาห์ หลังจากการประชุมคณะกรรมาธิการชายแดนทั่วไป (GBC) สมัยวิสามัญ ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2568 ตามระบบปกติในการหมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพ

8.3 ดำรงช่องทางการสื่อสารโดยตรงอย่างสม่ำเสมอในระดับรัฐมนตรี และผู้บัญชาการทหารสูงสุดของทั้งสองประเทศ

9. ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะงดเว้นการเผยแพร่ข้อมูลเท็จ หรือข่าวปลอม เพื่อลดความตึงเครียด ลดความรู้สึกเชิงลบของสาธารณชน และส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเจรจาอย่างสันติ

  • กลไกสำหรับการดำเนินการหยุดยิง

10. ทั้งสองฝ่าย ดำรงความมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามความเข้าใจร่วมกัน ที่เกิดขึ้นในการประชุมพิเศษเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 ซึ่งรวมถึงการหยุดยิง และการมีคณะผู้สังเกตการณ์จากประเทศสมาชิกอาเซียน ซึ่งนำโดยมาเลเซีย เพื่อติดตามให้การหยุดยิงเกิดขึ้นในทางปฏิบัติ

11. ทั้งสองฝ่าย ตกลงที่จะมอบหมายให้คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ในแต่ละพื้นที่ ดำเนินการให้เกิดการหยุดยิง โดยมีคณะผู้สังเกตการณ์จากประเทศสมาชิกอาเซียน นำโดยประเทศมาเลเซียประสานงานและสังเกตการณ์ ทั้งนี้ คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) จะประชุมกันอย่างสม่ำเสมอ และส่งรายงานไปยังคณะกรรมาธิการชายแดนทั่วไป (GBC) ผ่านสายการบังคับบัญชาระดับชาติของแต่ละฝ่าย

12. ในระหว่างรอให้มีคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน ซึ่งนำโดยประเทศมาเลเซีย ตามที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกัน ณ เมืองปุตราจายา เมื่อวันที่ 28 ก.ค. 68 คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (Interim Observer Team: IOT) ซึ่งประกอบด้วย ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารของประเทศสมาชิกอาเซียนประจำประเทศไทยหรือกัมพูชา และนำโดยผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารของประเทศมาเลเซีย จะถูกจัดตั้งขึ้นในแต่ละประเทศ คือ กัมพูชา และประเทศไทย เพื่อสังเกตการณ์การหยุดยิงของแต่ละฝ่ายอย่างสม่ำเสมอ

โดยคณะ IOT ในแต่ละประเทศ จะได้รับเชิญไปสังเกตการณ์จากประเทศเจ้าภาพ โดยมีการหารือกับประเทศมาเลเซีย คณะ IOT จะสังเกตการณ์โดยไม่ข้ามพรมแดน และจะประสานงานและปรึกษาหารือกับคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) และคณะกรรมาธิการชายแดนทั่วไป (GBC) ของแต่ละประเทศอย่างใกล้ชิด

13. ทั้งสองฝ่าย ตกลงที่จะจัดการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ครั้งถัดไป ภายใน 1 เดือน นับจากวันที่ 7 สิงหาคม 2568 (จะหารือเพื่อกำหนดสถานที่ต่อไป) หากไม่เป็นเช่นนั้น ให้มีการเรียกประชุม GBC สมัยวิสามัญโดยทันที โดยใช้รูปแบบเดียวกับการประชุม GBC สมัยวิสามัญในครั้งนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับการหยุดยิง


แท็ก กัมพูชา  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ