นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวในการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การสู้รบและการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลังในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ว่า ขณะนี้กรมบัญชีกลางได้อนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ได้แก่
1. เห็นชอบหลักเกณฑ์ให้เงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากกรณีสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ในกรณีเสียชีวิตและทุพพลภาพ : เจ้าหน้าที่รัฐ ทหาร ตำรวจ รายละ 10 ล้านบาท ประชาชนที่เสียชีวิตรายละ 8 ล้านบาท จากเดิม 1 ล้านบาท กรณีบาดเจ็บมาก : เจ้าหน้าที่รัฐ ทหาร ตำรวจ รายละ 5 แสนบาท ประชาชน 4 แสนบาท
2. ขยายวงเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยในกรณีฉุกเฉินและอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ สระแก้ว จันทบุรี และตราด เพิ่มเติมเป็นจังหวัดละ 100 ล้านบาท จาก 20 ล้านบาท
3. อนุมัติปฏิบัตินอกเหนือหลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ กรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2563 โดยเป็นค่าใช้จ่ายในการอพยพประชาชนไปยังพื้นที่ปลอดภัย ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการศูนย์พักพิงชั่วคราว ปรับปรุงสถานที่ เครื่องอุปโภคบริโภค และเป็นค่าตอบแทนให้กับผู้ปฏิบัติงานทุกประเภทที่ได้รับมอบหมายให้ออกปฏิบัติงานช่วยเหลือผู้ประสบภัย
นอกจากนี้ ให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานต่าง ๆ นำรถยานพาหนะพาท่านกลับภูมิลำเนาด้วยความปลอดภัย และดำเนินการตามระเบียบ ข้อบังคับ กฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายจากงบประมาณองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และงบประมาณในอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัดของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย มาดำเนินการแก้ไขเยียวยาช่วยเหลือต่อไป พร้อมกำชับให้ผู้ว่า นายอำเภอ ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องให้การช่วยเหลือประชาชนตามอำนาจหน้าที่โดยทันที และให้ความสำคัญกับความปลอดภัยช่วยเหลือประชาชนสูงสุดเป็นอันดับแรก
และทางกระทรวงมหาดไทยได้ให้แนวทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) พิจารณาบรรเทาผลกระทบค่าใช้จ่ายค่าสาธารณูปโภคของประชาชนพื้นที่ที่ประสบภัยด้วย ซึ่งทั้งหมดคือความห่วงใยที่รัฐบาล กระทรวงมหาดไทย และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกส่วนให้ความสำคัญและเอาใจใส่ประชาชนเป็นอย่างดี" นายภูมิธรรม กล่าว