น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบการออกใบอนุญาตการประกอบกิจการพลังงานให้แก่บมจ. บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) ตามมาตรา 37 แห่งพระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. 2561 (พ.ร.บ. EEC 2563) ตามมติ กพอ. ในการประชุมครั้งที่ 3/2568 เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 ตามที่คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) เสนอ
บมจ. บี.กริม เพาเวอร์ ได้รับเลือกเป็นผู้ประกอบการระบบไฟฟ้าและน้ำเย็นในบริเวณที่ราชพัสดุพื้นที่สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา ตำบลพลา อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง ซึ่งจะต้องผลิตไฟฟ้าให้กับเอกชนคู่สัญญาที่ดำเนินโครงการพัฒนาสนามบินและเขตส่งเสริม EECa และต่อมาบมจ. บี.กริม เพาเวอร์ ได้ยื่นคำขอรับอนุญาตประกอบการพลังงานจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar) กำลังการผลิตติดตั้งไม่เกิน 18 เมกะวัตต์ เพื่อขายไฟฟ้าให้แก่กิจการไฟฟ้า สวัสดิการสัมปทาน ทร. (กิจการไฟฟ้าฯ) ต่อ สกพอ. เพื่อให้ดำเนินการเสนอ กพอ. พิจารณาออกใบอนุญาตประกอบกิจการพลังงานตามมาตรา 37 (4) และมาตรา 43 (7) แห่ง พ.ร.บ. EEC พ.ศ. 2561 โดยมีใบอนุญาตที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ (1) ใบอนุญาตประกอบกิจการผลิตไฟฟ้า (2) ใบอนุญาตประกอบกิจการจำหน่ายไฟฟ้า (3) ใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (4) ใบอนุญาตให้ผลิตพลังงานควบคุม (พค. 2) (5) ใบอนุญาตก่อสร้าง ดัดแปลง รื้อถอน หรือเคลื่อนย้ายอาคาร
ประโยชน์และผลกระทบ: การออกใบอนุญาตการประกอบกิจการพลังงานให้แก่บมจ. บี.กริม เพาเวอร์ เป็นการรองรับการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ในการจัดทำโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภคที่มีประสิทธิภาพ มีความต่อเนื่อง ประชาชนสามารถเข้าถึงได้โดยสะดวกและเชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบโดยสมบูรณ์ ตลอดจนช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนในการส่งเสริมการลงทุนในกิจการพลังงาน และกระตุ้นการพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานใหม่ ๆ ทั้งนี้ ยังเป็นการส่งเสริมให้ผู้ประกอบกิจการปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม