นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ เปิดเผยว่า ในวันที่ 26 ส.ค.นี้ จะเดินทางไปเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยมีเป้าหมายหลัก 3 ประการคือ 1.ไปชี้แจงให้กับประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคีให้เข้าใจสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ซึ่งกัมพูชาใช้ยุทธศาสตรฺของการใช้วัตถุระเบิดสังหารบุคคลที่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ และอนุสัญญาออตตาวา 2.ไปพบข้าหลวงใหญ่สืทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการใช้ทุ่นระเบิดสังหาร การละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วยการโจมตีเป้าหมายพลเรือนของกัมพูชา รวมทั้งการใช้โซเชียลมีเดีย ซึ่งเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) ก็ได้ออกมาพูดชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยอย่างมาก และไม่สนับสนุนให้มีการใช้สงครามข่าวสารในการต่อสู้โดยใช้พลเรือนเป็นตัวกระทำให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างกัน และ 3.พบปะกับประธาน ICRC ซึ่งเคยพบกันที่กรุงเทพฯ แล้ว และทางประธานทราบว่าตนจะมาเจนีวาก็สามารถมาพูดคุยกันต่อได้ ซึ่งจะได้อธิบายทั้ง 2 ประการเหล่านี้เพราะ ICRC เป็นองค์กรหลักที่ดูกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งทั้งสามองค์กรที่เราวางกลยุทธ์จะเข้ามาพูดคุยชี้แจงเพื่อยืนยันในท่าทีบทบาทของประเทศไทยที่ชัดเจนว่าเราเป็นประเทศที่รักสันติ
"เราต้องการแก้ไขปัญหาระหว่างกันอย่างสันติวิธี แต่ต้องมีความจริงใจ และเราก็ปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ รวมทั้งยูเอ็นชาร์เตอร์ และหลักการของอาเซียน ซึ่งสิ่งที่ผมกังวล คือการใช้สงครามข่าวสารที่จะทำให้สังคมมีความแตกแยกยิ่งขึ้น ซึ่งไม่เป็นสิ่งที่ดีและปรารถนา เพราะไม่สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ" นายมาริษ กล่าวส่วนกรณีที่กัมพูชารับข้อตกลง 3 ข้อในการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา (RBC) นั้น รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า ตรงนี้เป็นผลมาจากการกดดันในทุกด้านด้วยการใช้มาตรการต่าง ๆ ของรัฐบาลไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรการทางการทูต การต่างประเทศสอดคล้องและสนับสนุนมาตรการทางทหาร ขณะเดียวกันมาตรการทางทหารก็สนับสนุนทำให้ความสำเร็จ ของรัฐบาลในการชี้แจงให้ชาวโลกได้เข้าใจข้อเท็จจริงทั้งหมด ซึ่งการทำงานทั้งสองด้านขณะนี้ไปด้วยกัน ทำให้ประชาคมโลกได้เข้าใจ ในความตั้งใจของรัฐบาลไทยว่า เราเป็นประเทศที่รักสันติ จะเห็นได้ว่าการปฏิบัติการทางทหาร ไม่ได้ถูกประเทศไหนตำหนิเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนได้เดินสายที่ทุกประเทศเข้าใจว่าการใช้มาตรการทางของเราเป็นการตอบโต้ตามสัดส่วนความเป็นจริง ไม่ได้มีเป้าหมายที่จะทำลายล้างฝ่ายพลเรือน ดังนั้นสิ่งที่ตนเตรียมมาชี้แจง ถือเป็นประโยชน์อย่างยิ่งที่จะทำให้ประชาคมโลกเข้าใจ ถึงแนวทางและท่าทีของประเทศไทย ซึ่งดำเนินการทุกอย่างสอดคล้องกับความตกลงระหว่างประเทศ กฎหมายระหว่างประเทศ