กรมศุลฯ-กทท. เชื่อมข้อมูลตรวจสอบตู้สินค้า ยกระดับความปลอดภัยท่าเรือไทยสู่มาตรฐานโลก

ข่าวทั่วไป Monday August 25, 2025 17:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

กรมศุลฯ-กทท. เชื่อมข้อมูลตรวจสอบตู้สินค้า ยกระดับความปลอดภัยท่าเรือไทยสู่มาตรฐานโลก

กรมศุลกากร และการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) จัดพิธีลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) การเชื่อมต่อข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์จากระบบตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์สินค้าด้วยเครื่องเอ็กซเรย์ (Scanning System) โดยนางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม ระบุว่า เป็นการยกระดับการให้บริการและการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือไทยให้เป็นไปตามข้อกำหนด ของประมวลข้อบังคับว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยของเรือ และท่าเรือระหว่างประเทศ (INTERNATIONAL SHIP AND PORT FACILITY SECURITY CODE : ISPS CODE) ให้มีความโปร่งใส รวดเร็ว แม่นยำ

กรมศุลฯ-กทท. เชื่อมข้อมูลตรวจสอบตู้สินค้า ยกระดับความปลอดภัยท่าเรือไทยสู่มาตรฐานโลก

โดยในระยะแรก จะเริ่มต้นที่ท่าเรือแหลมฉบังก่อน หลังจากนั้น จึงจะมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อศึกษาความพร้อมของแต่ละท่าเรือต่อไป และคณะทำงานฯ จะมีการประเมินผลความสำเร็จของโครงการตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง มั่นใจว่า โครงการนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของกรมศุลกากร โดยเฉพาะช่วยลดการลักลอบการนำเข้าสินค้า โดยเป็นการเพิ่มจำนวนการสแกนตู้สินค้าที่ผ่านเข้ามาทั้งหมด แทนปัจจุบันที่ใช้การสุ่มตรวจ หรือการเปิดตู้เอ็กซเรย์ที่จะใช้เวลา และยังเป็นการลดค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร รวมถึงยังช่วยลดต้นทุนของผู้ประกอบการอีกด้วย

"ไทยได้ทำข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ ซึ่งหนึ่งในข้อห่วงใยของสหรัฐฯ คือเรื่องสินค้าสวมสิทธิ์ผ่านทาง (Transshipment) ซึ่งวันนี้กรมศุลกากรได้มีการตรวจสอบที่เข้มข้นขึ้น และความร่วมมือครั้งนี้ จะเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Ignite Thailand ในส่วนของการทำโลจิสติกส์ ฮับ เป็นการพัฒนาการขนถ่ายสินค้าของประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางของโลก การพัฒนาในส่วนนี้จะเป็นส่วนที่เสริมเข้าไป แต่มาตรการในการตรวจสอบสินค้าไม่ได้จบแค่นี้ หรือมีเพียงมาตรการเดียว ยังมีมากกว่านี้ ทุกอย่างต้องมีการปรับเปลี่ยนและพัฒนา เพื่อรองรับการตรวจสอบสินค้าด้อยคุณภาพไม่ได้ มอก. ไม่ผ่าน อย. หรือสินค้าลักลอบนำเข้า สินค้าห้ามผ่านแดน ยาเสพติด รวมถึงสินค้า Transshipment ก็จะมีการตรวจสอบที่เข้มข้นมากขึ้นอย่างแน่นอน โดยตั้งเป้าหมายว่าปริมาณสินค้าเหล่านี้ จะต้องลดลงอย่างมีนัยสำคัญ" รมช.คลัง ระบุ

ด้าน นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการ กทท. กล่าวว่า การลงนาม MOU ครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับความปลอดภัยทางทะเล และระบบท่าเรือไทยให้ทัดเทียมมาตรฐานสากล ภายใต้ข้อกำหนดของ ISPS Code (International Ship and Port Facility Security Code) สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการ นักลงทุน และพันธมิตรทางการค้า

โดย กทท. จะพัฒนาระบบเชื่อมต่อข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่มีความปลอดภัยสูง เพื่อนำไปใช้ในการเชื่อมโยงข้อมูลสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส ลดขั้นตอนที่ซ้ำซ้อน และมีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น โดยจะเริ่มดำเนินการที่ท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งเป็นท่าเรือหลักด้านการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศเป็นแห่งแรก และจะขยายสู่ท่าเรือกรุงเทพฯ และท่าเรืออื่น ๆ ของ กทท. ในอนาคต

ทั้งนี้ กทท. และกรมศุลกากร ได้กำหนดแนวทางการใช้และการบริหารจัดการข้อมูลอย่างรัดกุม เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานความมั่นคงระหว่างประเทศ พร้อมทั้งจัดตั้งคณะทำงานร่วมด้านการบริหารจัดการ และกำกับดูแลระบบเชื่อมโยงอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อกำหนดมาตรฐานการแลกเปลี่ยนข้อมูล ติดตามผลการดำเนินงาน แก้ไขปัญหาทางเทคนิค และพัฒนาระบบให้ทันสมัยอยู่เสมอ โดยจะประชุมและประสานงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐและมาตรฐานสากล

นายธีรัชย์ อัตนวาณิช อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า การเชื่อมต่อข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ในครั้งนี้ จะเริ่มดำเนินการ ณ ท่าเรือแหลมฉบังเป็นแห่งแรก และขยายผลไปยังท่าเรือกรุงเทพ รวมถึงท่าเรืออื่น ๆ ของ กทท. โดยกรมศุลกากร จะจัดทำและพัฒนาระบบการเชื่อมต่อข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเรียกดูข้อมูลดังกล่าวที่ได้จากการดำเนินโครงการจาก กทท. และเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย พร้อมทั้งกำหนดระดับสิทธิที่เหมาะสมสำหรับการเข้าถึง และการใช้ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ของกรมศุลกากรต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ