นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ เลขานุการ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ในพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม) ได้อนุมัติการช่วยเหลือในอีก 2 เรื่องสำคัญ ได้แก่
1.เงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากการกระทำของกองกำลังภายนอกประเทศที่อนุมัติการจ่ายรายครัวเรือน ครัวเรือนละ 2,000 บาท สำหรับการอพยพไม่เกิน 7 วัน และครัวเรือนละ 5,000 บาท เป็นเงินสดผ่านระบบพร้อมท์เพย์ (prompt-pay) สำหรับการอพยพตั้งแต่ 8 วันขึ้นไป โดยใช้งบประมาณจากงบกลางฯ เป็นเงิน 1,516 ล้านบาท
2.งบประมาณสำหรับสร้างบังเกอร์และหลุมหลบภัย 779 แห่ง และงบประมาณ ซ่อม/สร้าง หอกระจายข่าว 221 แห่ง ในพื้นที่ชายแดนกัมพูชา 7 จังหวัด สำหรับเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยใช้งบประมาณจากงบกลางฯ เป็นเงิน 194 ล้านบาท
"ขอให้พี่น้องประชาชนทุกท่านสบายใจว่า รัฐบาลมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา อย่างเต็มที่มาโดยตลอด เพื่อให้พี่น้องกว่า 4,000 หมู่บ้านใน 7 จังหวัดกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ และจะพยายามอย่างเต็มที่ต่อไป เพื่อเร่งรัดการช่วยเหลือในมิติต่างๆ ให้ถึงมือพี่น้องประชาชนโดยเร็วที่สุด" นายชนินทร์ กล่าวทั้งนี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย มีข้อสั่งการให้ดำเนินการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงแรกที่เกิดเหตุปะทะ โดยได้ประสานอนุมัติขยายวงเงินทดรองจ่ายภายใต้อำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นจังหวัดละ 100 ล้านบาทโดยทันที ซึ่งได้ใช้สนับสนุนการอพยพ การบริหารจัดการศูนย์พักพิงผู้อพยพ ซ่อมแซมหลุมหลบภัย ตลอดจนการส่งคนกลับบ้าน และคืนสภาพสังคมที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งขณะนี้มียอดเบิกจ่ายแล้วรวม 198,418,791 บาท
ที่ผ่านมายังได้มีข้อสั่งการเพิ่มเติมเพื่อบรรเทาปัญหา และให้การช่วยเหลือประชาชนที่กลับเข้ามาใช้ชีวิตตามปกติแล้วในอีก 4 เรื่องสำคัญ ได้แก่
1.อนุมัติเงินช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุด 10 ล้านบาทจากงบกลางฯ และเงินกองทุนฯ
2.งดเว้นการเรียกเก็บค่าน้ำ-ค่าไฟเป็นเวลา 2 เดือน ระหว่างเดือน ก.ค.-ส.ค.68
3.ระดมความช่วยเหลือในการซ่อมแซมบ้านเรือนที่เสียหาย จากหน่วยงานต่าง ๆ ของภาครัฐ
4.ให้เบิกจ่ายเบี้ยเลี้ยงอาสาปฏิบัติงาน (ชรบ.) ที่ช่วยลาดตระเวนระหว่างช่วงอพยพในอัตรา 120-240 บาท/วัน ผ่านเงินทดลองจ่ายในอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัด