
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) รายงานว่า ได้ติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศ พบว่า จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ทั้งนี้ ได้ประเมินวิเคราะห์สภาพอากาศ สถานการณ์น้ำ และคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม ร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรธรณี กรมชลประทาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พบว่ามีพื้นที่บางส่วนเสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังอยู่เป็นประจำ เนื่องจากระบายน้ำไม่ทัน ในช่วงวันที่ 30 ส.ค.- 3 ก.ย.68 ดังนี้
1. พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม และน้ำท่วมขัง ดังนี้
1.1 ภาคเหนือ
- จังหวัดเชียงราย (อำเภอเมืองเชียงราย แม่สาย เชียงของ เชียงแสน เวียงชัย เวียงเชียงรุ้ง พญาเม็งราย เทิง แม่จัน และดอยหลวง)
- จังหวัดแม่ฮ่องสอน (อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ปาย ขุนยวม และแม่สะเรียง)
- จังหวัดเชียงใหม่ (อำเภอแม่แจ่ม ฝาง แม่อาย และอมก๋อย)
- จังหวัดน่าน (อำเภอท่าวังผา บ่อเกลือ ปัว ภูเพียง แม่จริม เวียงสา และสันติสุข)
- จังหวัดอุตรดิตถ์ (อำเภอน้ำปาด)
- จังหวัดตาก (อำเภอท่าสองยาง แม่ระมาด แม่สอด พบพระ และอุ้มผาง)
- จังหวัดพิษณุโลก (อำเภอเมืองพิษณุโลก ชาติตระการ นครไทย และเนินมะปราง)
- จังหวัดเพชรบูรณ์ (อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ เขาค้อ วังโป่ง และหล่มเก่า)
1.2 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
- จังหวัดเลย (อำเภอเมืองเลย เชียงคาน นาแห้ว และปากชม)
- จังหวัดหนองคาย (อำเภอเมืองหนองคาย ท่าบ่อ ศรีเชียงใหม่ และสระใคร)
- จังหวัดนครพนม (อำเภอเมืองนครพนม ศรีสงคราม ท่าอุเทน และบ้านแพง)
- จังหวัดชัยภูมิ (อำเภอเมืองชัยภูมิ เกษตรสมบูรณ์ และคอนสวรรค์)
- จังหวัดขอนแก่น (อำเภอเมืองขอนแก่น)
- จังหวัดกาฬสินธุ์ (อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ ยางตลาด ฆ้องชัย กมลาไสย และร่องคำ)
- จังหวัดนครราชสีมา (อำเภอครบุรี โนนแดง บัวลาย บัวใหญ่ ประทาย ปากช่อง เมืองยาง และสีดา)
- จังหวัดมหาสารคาม (อำเภอเมืองมหาสารคาม)
- จังหวัดหนองบัวลำภู (อำเภอศรีบุญเรือง)
- จังหวัดอุดรธานี (อำเภอบ้านดุง พิบูลย์รักษ์ เพ็ญ และสร้างคอม)
- จังหวัดสกลนคร (อำเภอเมืองสกลนคร วานรนิวาส และอากาศอำนวย)
- จังหวัดร้อยเอ็ด (อำเภอเมืองร้อยเอ็ด เสลภูมิ พนมไพร และอาจสามารถ)
- จังหวัดยโสธร (อำเภอเมืองยโสธร คำเขื่อนแก้ว และเลิงนกทา)
- จังหวัดอำนาจเจริญ (อำเภอเมืองอำนาจเจริญ ชานุมาน เสนางคนิคม และหัวตะพาน)
- จังหวัดอุบลราชธานี (อำเภอเมืองอุบลราชธานี เขมราฐ เขื่องใน เดชอุดม ตระการพืชผล ตาลสุม บุณฑริก พิบูลมังสาหาร ศรีเมืองใหม่ สว่างวีระวงศ์ และสิรินธร)
1.3 ภาคตะวันออก
- จังหวัดนครนายก (อำเภอเมืองนครนายก บ้านนา และปากพลี)
- จังหวัดปราจีนบุรี (อำเภอเมืองปราจีนบุรี นาดี และประจันตคาม)
- จังหวัดสระแก้ว (อำเภอเมืองสระแก้ว โคกสูง ตาพระยา และวัฒนานคร)
- จังหวัดชลบุรี (อำเภอบางละมุง และศรีราชา)
- จังหวัดระยอง (อำเภอเมืองระยอง บ้านค่าย ปลวกแดง และนิคมพัฒนา)
- จังหวัดจันทบุรี (อำเภอเมืองจันทบุรี แก่งหางแมว และขลุง)
- จังหวัดตราด (อำเภอเมืองตราด เกาะกูด เขาสมิง คลองใหญ่ และบ่อไร่)
1.4 ภาคใต้
- จังหวัดชุมพร (อำเภอเมืองชุมพร พะโต๊ะ และหลังสวน)
- จังหวัดระนอง (อำเภอเมืองระนอง กระบุรี กะเปอร์ และสุขสำราญ)
- จังหวัดสุราษฎร์ธานี (อำเภอท่าชนะ บ้านตาขุน และพนม)
- จังหวัดพังงา (อำเภอเมืองพังงา กะปง คุระบุรี ตะกั่วป่า ทับปุด และท้ายเหมือง)
- จังหวัดภูเก็ต (อำเภอเมืองภูเก็ต กะทู้ และถลาง)
2. เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและเล็ก ที่มีปริมาณน้ำมากกว่า 80% ของความจุเก็บกักบริเวณ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ ตาก เลย บึงกาฬ สกลนคร อุดรธานี ชัยภูมิ กาฬสินธุ์ นครพนม มุกดาหาร นครราชสีมา ศรีสะเกษ อุบลราชธานี นครนายก ปราจีนบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ระนอง สุราษฎร์ธานี และกระบี่
พร้อมทั้งขอให้พิจารณาบริหารจัดการน้ำเขื่อนสิริกิติ์ และเขื่อนผาจุก จังหวัดอุตรดิตถ์ เขื่อนนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก ให้สอดคล้อง เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบหรือเกิดผลกระทบน้อยที่สุด
3. เฝ้าระวังระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน และระดับน้ำล้นตลิ่งและท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ บริเวณแม่น้ำสายหลักและลำน้ำสาขา
- แม่น้ำสาย บริเวณอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย
- แม่น้ำอิง บริเวณอำเภอเชียงคำ เทิง พญาเม็งราย ขุนตาล และเชียงของ จังหวัดเชียงราย
- แม่น้ำยม บริเวณอำเภอเมืองแพร่ สอง และวังชิ้น จังหวัดแพร่ อำเภอเมืองสุโขทัย และศรีสำโรง จังหวัดสุโขทัย อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก
- แม่น้ำน่าน บริเวณอำเภอเมืองน่าน และเวียงสา จังหวัดน่าน อำเภอตรอน จังหวัดอุตรดิตถ์
- แม่น้ำแควน้อย บริเวณอำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก
- ลำน้ำยัง อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด
4. เฝ้าระวังผลกระทบจากระดับน้ำในแม่น้ำโขงเปลี่ยนแปลง เนื่องจากมีปริมาณฝนตกสะสม บริเวณสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำโขงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีแนวโน้มส่งผลกระทบพื้นที่จังหวัดริมแม่น้ำโขง ได้แก่ จังหวัดเชียงราย เลย หนองคาย บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี
5. เฝ้าระวังกิจกรรมการใช้น้ำ และการสัญจรทางน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา บริเวณ จังหวัดชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี กรุงเทพมหานคร และสมุทรปราการ
ในการนี้เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้
1.ติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตร ตลอด 24 ชั่วโมง และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วม รวมถึงพื้นที่เกิดน้ำท่วมขังอยู่เป็นประจำ
2.ติดตาม ตรวจสอบ ซ่อมแซม แนวคันบริเวณริมแม่น้ำ และเร่งกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ พร้อมวางแผนการบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสม ปรับการบริหารจัดการน้ำในแหล่งเก็บกักน้ำขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ขนาดเล็ก น้ำในลำน้ำ รวมถึงเขื่อนระบายน้ำและประตูระบายน้ำ ให้สอดคล้องกันตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยการเร่งระบายและพร่องน้ำรองรับสถานการณ์ฝนที่คาดว่าจะตกหนัก
3.เตรียมแผนรับสถานการณ์น้ำหลาก เตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องจักรเครื่องมือ รวมถึงความพร้อมของระบบสื่อสาร เพื่อบูรณาการความพร้อมให้ความช่วยเหลือได้ทันที
4.ประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำ และแจ้งเตือนล่วงหน้า ให้ประชาชนที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ เตรียมพร้อมในการขนของขึ้นสู่ที่สูงหรืออพยพได้ทันท่วงทีหากเกิดสถานการณ์