พบผู้ป่วยฝีดาษลิงเพิ่ม 5 ราย ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปี 61 ราย

ข่าวทั่วไป Friday September 5, 2025 10:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พบผู้ป่วยฝีดาษลิงเพิ่ม 5 ราย ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปี 61 ราย

นพ.ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ข้อมูลจากการเฝ้าระวังสถานการณ์โรคฝีดาษวานร หรือฝีดาษลิง (Mpox) โดยกองระบาดวิทยา ในสัปดาห์ที่ 34 (17-23 ส.ค. 68) พบผู้ป่วยรายใหม่ 5 ราย เป็นผู้ป่วยในจังหวัดชลบุรี 3 ราย ขอนแก่นและกรุงเทพมหานคร แห่งละ 1 ราย และเฉพาะในปี 68 มีผู้ป่วยสะสม 61 ราย ไม่พบรายงานผู้เสียชีวิต ยังคงพบผู้ป่วยต่อเนื่องทุกสัปดาห์มีแนวโน้มสูงขึ้นตั้งแต่เดือนพ.ค. เป็นต้นมา

โดยตั้งแต่เกิดการระบาดในปี 65 จนถึงปัจจุบัน ประเทศไทยมีผู้ป่วยสะสม 933 ราย เสียชีวิต 13 ราย ส่วนใหญ่มีปัจจัยเสี่ยงจากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน มีเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักก่อนป่วย การสัมผัสแนบเนื้อกับผู้ป่วย จากข้อมูลยังพบผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงหรือเสียชีวิต ส่วนใหญ่เป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวี (HIV) บางรายเพิ่งตรวจพบว่าติดเชื้อ ขณะที่บางรายทราบอยู่แล้วแต่ไม่ได้รับยาต้านไวรัส (ARV) เพื่อกดเชื้ออย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ภูมิคุ้มกันต่ำ ร่างกายต่อสู้กับโรคอื่นได้น้อยลง จึงมีความเสี่ยงอาการรุนแรงมากกว่าคนทั่วไป

พบผู้ป่วยฝีดาษลิงเพิ่ม 5 ราย ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปี 61 ราย

สำหรับข้อมูลผู้ป่วยรายใหม่ 5 ราย อายุระหว่าง 18-39 ปี ปัจจัยเสี่ยงหลักมาจากการสัมผัสที่เกี่ยวข้องกับการมีเพศสัมพันธ์ ในสัปดาห์นี้ยังไม่พบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ clade lb ภายในประเทศ และยังไม่มีรายงานผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงหรือเสียชีวิต โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานว่า ผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงทั่วโลกยังพบต่อเนื่อง โดยเฉพาะภูมิภาคแอฟริกากลางและตะวันออก และบางประเทศในตะวันออกกลาง ซึ่งยังคงมีความเสี่ยงต่อการพบผู้ติดเชื้อที่นำเข้าจากต่างประเทศ

ทั้งนี้ กรมควบคุมโรค ยังคงเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด โดยคัดกรองผู้เดินทางจากประเทศเสี่ยง ให้ความรู้สุขศึกษาแก่ประชากรกลุ่มเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งกำชับบุคลากรทางการแพทย์และโรงพยาบาลเฝ้าระวัง หากพบผู้ป่วยสงสัยติดเชื้อ ให้รายงานเข้าสู่ระบบเฝ้าระวังทันที กรมควบคุมโรคขอยืนยันว่า ประเทศไทยมีระบบเฝ้าระวังและการดูแลรักษาผู้ป่วยที่มีความพร้อม ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก แต่ควรเฝ้าระวังและปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตนเองอย่างต่อเนื่อง" อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าว

พบผู้ป่วยฝีดาษลิงเพิ่ม 5 ราย ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปี 61 ราย

สำหรับแนวทางการรักษา ผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงจะได้รับการรักษาตามความรุนแรงของอาการผู้ป่วยและขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้ดูแลรักษา โดยมี 2 แนวทาง ได้แก่

1. กรณีผู้ป่วยที่มีอาการน้อย หรือมีอาการไม่รุนแรง จะได้รับการรักษาตามอาการโดยแยกกักตัวที่บ้าน (Home Isolation) แต่หากไม่สามารถแยกกักตัวที่บ้านได้ ก็จะได้รับการรักษาที่โรงพยาบาล

2. กรณีผู้ป่วยที่มีโอกาสเสี่ยงต่อโรครุนแรงหรือมีภาวะแทรกซ้อน จะได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัส เทคโควิริแมท (Tecovirimat) เพื่อลดความเสี่ยง อาการแทรกซ้อน โดยในระหว่างการรักษาควรแยกตัวจากผู้อื่นนานประมาณ 21 วัน หรือจนกว่าผื่น ตุ่ม จะตกสะเก็ดและหลุดลอกออกหมด เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น

ด้าน นพ.ดิเรก ขำแป้น รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โรคนี้สามารถป้องกันได้โดยหลีกเลี่ยงการสัมผัสแนบชิดกับผู้ป่วยหรือผู้ที่สงสัยติดเชื้อฝีดาษลิง รวมทั้งหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับบุคคลที่ไม่รู้จัก และสังเกตอาการเบื้องต้นได้ด้วยตนเอง หากมีผื่น/ตุ่มขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ ทวารหนัก ปาก หรือตามร่างกาย และมีประวัติสัมผัสแนบชิด หรือมีเพศสัมพันธ์กับผู้ป่วยสงสัย หรือผู้ป่วยยืนยันโรคฝีดาษลิง รวมทั้งกลุ่มผู้ดูแลผู้ป่วยสงสัยหรือผู้ป่วยยืนยันโรคฝีดาษลิง ให้สังเกตภายหลังสัมผัสผู้ป่วยภายใน 21 วัน

โดยหากมีอาการ ไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ต่อมน้ำเหลืองโต เช่น บริเวณหลังหู คอ ขาหนีบ เจ็บคอ คัดจมูก หรือ ไอ มีผื่น หรือตุ่มน้ำหรือตุ่มหนองขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ หรือทวารหนัก หรือ บริเวณรอบ ๆ ตามมือ เท้า หน้าอก ใบหน้า หรือบริเวณปาก ให้รีบเข้ารับการตรวจที่สถานบริการสุขภาพ หรือโรงพยาบาล โดยแจ้งอาการและประวัติเสี่ยงทันที เพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้อง

กรมควบคุมโรค ขอเน้นย้ำว่า โรคฝีดาษลิงสามารถป้องกันได้โดยหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย งดใช้สิ่งของร่วมกัน และสวมถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ พร้อมทั้งสังเกตตุ่มหนองในบริเวณที่มีโอกาสสัมผัสแนบเนื้อ เพื่อป้องกันความเสี่ยงรับเชื้อจากการสัมผัส

สำหรับคลินิกรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวี ขอให้เพิ่มการสื่อสารมาตรการป้องกันโรคฝีดาษลิงอย่างสม่ำเสมอควบคู่กับเรื่องการดูแลสุขภาพอื่น ๆ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ