
"นโยบายเกษียณอายุวัย 45 ปี" ข่าวใหญ่เขย่าวงการมนุษย์เงินเดือนในช่วงที่ผ่านมา สร้างความฮือฮาอยู่ไม่น้อย เพราะนับเป็นการลดอายุการเกษียณลงมาอย่างน่าตกใจ นี่เราจะเลิกทำงานกันตั้งแต่วัยนี้เลยเหรอ มันเร็วไปมั้ย ! เรียกได้ว่าโลกของตลาดแรงงานดูจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป !?
แต่เดี๋ยวก่อน !! เพราะทาง นางสาวดวงพร พรหมอ่อน กรรมการผู้จัดการ Jobsdb by SEEK ประเทศไทย กล่าวกับ "อินโฟเควสท์" ว่า ถ้าจะให้หยุดทำงานตั้งแต่อายุ 45 ปี มันเป็นไปไม่ได้ !
แล้วแบบนี้นโยบายเกษียณอายุวัย 45 ปี จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ ? แท้จริงแล้วผู้ได้ประโยชน์มากที่สุดคือใคร ระหว่างพนักงานที่เป็นฟันเฟืองขนาดเล็ก หรือองค์กรยักษ์ใหญ่ ? "Talk Time" EP. นี้เฉลยคำตอบไว้ให้แล้ว !
อย่างแรกต้องทำความเข้าใจก่อนว่า นโยบายเกษียณอายุที่สามารถหยุดทำงานได้ตั้งแต่วัย 45 ปี เป็นเพียงแค่นโยบายภาค "สมัครใจ" เท่านั้น ในภาคบังคับที่ระบุไว้ในกฎหมายไทย อายุเกษียณยังกำหนดไว้ที่ 60 ปีเหมือนเดิม
ถ้าถามว่านโยบายนี้สะท้อนอะไร ? มันเป็นแค่เพียงการปรับโครงสร้างองค์กรอย่างหนึ่งเท่านั้น เพราะในยุคที่เทคโนโลยีและเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว องค์กรต่าง ๆ ก็ต้องพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะควบคุมต้นทุน ให้อยู่รอดต่อไปนั่นเอง
"การปรับโครงสร้างองค์กรอีกอย่างหนึ่งที่ได้ยินกันบ่อย ๆ คือการ Layoff ซึ่งแบบนั้นมันไม่ใช่ภาคสมัครใจแล้ว ส่วน นโยบายเกษียณได้ตั้งแต่วัย 45 ปี อันนี้ยังเป็นทางเลือกให้พนักงานได้ตัดสินใจ" นางสาวดวงพร กล่าวปัจจุบันอายุเฉลี่ยของคนวัยทำงานในประเทศไทยอยู่ที่ 41.5 ปี ดังนั้นถ้าเราตัดคนออกตั้งแต่อายุ 45 ปี แรงงานกว่า 13 ล้านคนจะหายไปจากระบบ ในขณะที่ประเทศไทยก็ต้องพัฒนาเดินหน้าต่อและอายุของคนก็ยืนยาวขึ้นด้วย
"ดังนั้นถ้าจะให้หยุดทำงานตั้งแต่อายุ 45 ปี มันเป็นไปไม่ได้" นางสาวดวงพร กล่าวแม้นโยบายเกษียณวัย 45 ปีจะเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก แต่อีกด้านหนึ่ง ก็มีหลายองค์กรที่จ้างงานคนอายุเกิน 60 ปี แต่แค่ไม่ได้เป็นข่าวใหญ่แค่นั้นเอง
ดังนั้นเทรนด์ของประเทศไทยที่เป็นสังคมผู้สูงอายุ มันคือการยืดอายุ ไม่ใช่ลดอายุ เช่นเดียวกับประเทศสังคมผู้สูงอายุอื่น อาทิ ญี่ปุ่นขยายอายุเกษียณเป็น 65 ปี หรือสิงคโปร์เกษียณอายุที่ 63 ปี จะเห็นว่าเป็นนโยบายที่ยืดอายุการทำงานเช่นกัน
หลายคนอาจจะกังวลว่า ถ้าคนคว้าโอกาสเกษียณวัย 45 ปีมีจำนวนมาก จะทำให้แรงงานขาดตลาดหรือไม่ ? คำตอบคือ
"คนเหล่านี้ไม่ได้หายไปจากตลาดแรงงาน เขายังเป็นแรงงานอยู่ดี เพราะสุดท้ายแล้ว เขาแค่ไม่ได้ทำงานที่นี่ต่อ แต่เขาก็ไปทำงานอื่น อยู่ที่ว่าจะเป็นงานรูปแบบไหน จะไปขายของ ทำธุรกิจ สมัครองค์กรใหม่ มันก็ต้องมีงานเข้ามาทดแทนตรงนี้ เป็นไปไม่ได้ที่ 45 แล้วจะหยุดทำงาน ยกเว้นคุณจะมีเงินจำนวนมากโดยที่ไม่ต้องทำอะไร ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ใช่แบบนั้น คุณยังต้องทำงานต่อ" กรรมการผู้จัดการกล่าวหากคุณอยู่ในวัยที่ต้องเจอทางเลือกแบบนี้ คำถามสำคัญที่ต้องตอบให้ได้คือ เป้าหมายชีวิตของคุณคืออะไร ?
ถ้าอยากไปต่อ : ยังโอเคกับการทำงานในองค์กรนี้ไปเรื่อย ๆ และการอยู่ตรงนี้ตอบโจทย์ชีวิตของเรา การอยู่ต่อแบบสมัครใจก็สามารถทำได้
ถ้าอยากเริ่มต้นใหม่ : แต่ถ้ารู้สึกว่าที่นี่ไม่ตอบโจทย์เป้าหมายของชีวิต ถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลง ก็วางแผนการใช้เงินให้รอบคอบ นโยบายนี้ก็นับว่าเป็นโอกาสที่ดีเช่นกัน
ท้ายที่สุดแล้ว นโยบายนี้คือทางเลือกที่มอบประโยชน์ให้กับพนักงาน ขึ้นอยู่กับว่าเป้าหมายของคุณคืออะไร ก่อนตัดสินใจครั้งใหญ่ ก็ทบทวนให้ดี
"คอมเมนต์ชาวเน็ตมักจะบ่นกันว่า เด็กจบใหม่ก็ไม่รับ อายุ 35 ก็หางานยาก อายุ 45 ก็จะให้เกษียณแล้ว แบบนี้ต้องอายุเท่าไหร่ ถึงจะถูกใจนายจ้าง ?" สำนักข่าวอินโฟเควสท์ถามถึงประเด็นที่คาใจชาวโซเชียล
แม้จะมีกระแสข่าวเชิงลบว่าบริษัทมักไม่รับเด็กจบใหม่ หรือ เด็ก Gen Z หางานยาก แต่ตามข้อเท็จจริงก็คือ บริษัทรับเด็กจบใหม่อยู่แล้ว เพราะมีเรื่องของต้นทุนเข้ามาเกี่ยวข้อง และเด็กจบใหม่ก็เข้ามาเสริมเรื่องเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพิ่มความทันสมัยให้กับองค์กรได้
ขณะที่คนอายุมากก็ไม่ใช่ว่าจะหางานยาก ฝ่าย HR เขาไม่ได้มานั่งตัดว่าจะไม่รับคนอายุเท่านี้ ๆ เพราะถ้าคุณพัฒนาตัวเองอยู่สม่ำเสมอ มีคุณสมบัติครบถ้วน ความสามารถเป็นที่ยอมรับ ยังไงบริษัทก็ต้องการตัว ไม่ว่าจะเป็นเด็ก หรือจะอายุเท่าไหร่ ยังไงเขาก็รับ
ยกตัวอย่างของทาง Jobsdb เองก็มีนโยบายสนับสนุน "การจ้างงานอย่างเป็นธรรม (Fair Hiring)" คือเน้นที่ทักษะและความสามารถเป็นหลัก ปัจจัยอื่น ๆ ไม่ถูกนำมาตัดสิน เช่น บางตำแหน่งเมื่อลงประกาศหางาน ก็ไม่ได้ระบุเรื่องเพศ หรืออายุที่ต้องการ อาจจะระบุเป็นต้องการประสบการณ์ด้านนี้ กี่ปี ๆ เป็นต้น
ดังนั้นถ้าอยากมีงานทำ ต้องพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ หมั่นเติมทักษะให้ตัวเอง เริ่มต้นด้วย 3 ทักษะนี้
1) เรียนรู้ตลอดชีวิต : ใครก็ตามที่หยุดพัฒนาตัวเอง ยังไงก็ตกยุค เสี่ยงตกงาน
2) ปรับตัว : เจอสภาพแวดล้อมหรือสถานการณ์แบบไหน ก็ต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้
3) เทคโนโลยีดิจิทัล : ยุคนี้ไม่มีไม่ได้ เพราะเอามาช่วยติดสปีด ทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
นโยบายเกษียณวัย 45 ปี เป็นเพียงภาค "สมัครใจ" เท่านั้น
ทริคก่อนตัดสินใจเกษียณ : ตอบคำถามให้ชัด เป้าหมายชีวิตเราคืออะไร ?
ตลาดแรงงานไม่ขาดคน เพราะต่อให้เกษียณวัย 45 ปี จากที่นี่ ก็ยังไปทำงานที่อื่นต่อ
อายุเกิน 60 ปี มีบริษัทจ้างงานต่อมากมาย แต่อาจไม่เป็นข่าวใหญ่
อายุเท่าไหร่ก็หางานไม่ยาก ถ้าความสามารถเราตอบโจทย์ !
https://youtu.be/LOzs95H_WDQ