"อนุทิน" ลั่น! พร้อมวางรากฐานแม้เป็นรัฐบาล 4 เดือน ชี้ "ความยั่งยืน" เป็นทางรอด ไม่ใช่ทางเลือก

ข่าวทั่วไป Friday October 3, 2025 11:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย กล่าวปาฐกถาพิเศษในเวทีสัมมนา Sustainability Expo 2025 : A Call for Adaptation The Sustainability in Trade & Industry ว่า ปัจจุบันองค์การสหประชาชาติ ใช้คำว่า Sustainable Development Goals: SDGs เป็นตัวผลักดันกติกาใหม่ของโลก แต่ยังมีหลายคนไม่เข้าใจความหมาย SDG อย่างลึกซึ้ง แต่เรื่อง SDG จะอยู่ในอุดมคติของเราที่ต้องมองและดำเนินการให้เกิดความยั่งยัน แต่จะคิดแบบ Quick Win แบบรัฐบาล 4 เดือนไม่ได้ แม้รัฐบาลอยู่เพียง 4 เดือน แต่ต้องทำให้ยั่งยืน รัฐบาลต้องวางรางฐาน เพื่อรัฐบาลต่อไปสามารถต่อยอดได้

"งานวันนี้ จะทำให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ สร้างความเปลี่ยนแปลงในเรื่องการค้าอย่างเป็นรูปธรรม โลกเผชิญความไม่แน่นอน เนื่องจากภัยการค้า ภัยการแข่งขันทางเศรษฐกิจ ภัยการเปลี่ยนแปลงจากสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเราจะพาประเทศไทยไปในทิศทางที่ต้องพัฒนาอย่างยั่งยืน อันนี้ไม่ใช่ทางเลือก มันเป็นทางรอด" นายอนุทิน กล่าว

พร้อมมองว่า ความหมายของคำว่า "ยั่งยืน" ไม่ใช่แค่ทำเรื่องโลกสีเขียว ทำสิ่งแวดล้อม แม้สำคัญแต่ไม่ครบมิติ ความยั่งยืนทำให้ 3 หลักดำเนินไปด้วยความมั่นคง คือ เศรษฐกิจต้องมั่นคง สังคมต้องมั่นคง สิ่งแวดล้อมเป็นมิตรและมั่นคง หาโอกาสสร้างงาน สร้างรายได้ มีเงินใช้ มีเงินออม เราช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่เป็นภาระคนอื่นเช่นกัน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีหลายอย่างบีบให้สังคมไทยต้องปรับเปลี่ยน เพื่อให้เกิดความอยู่รอด แต่อยู่รอดด้วยคุณภาพชีวิตที่ดี ถ้ามีคุณภาพชีวิตที่ดี เราอาจอยู่ได้ถึง 90 ปี และวันหนึ่งอาจต้องมีการปรับเกษียณอายุเป็น 65 ปี เพราะถ้าคนไม่ Active อาจกลายเป็นภาระได้ แต่ช่วงอายุ 60-90 ปี ต้องดูแลตัวเองได้ เราต้องปรับเปลี่ยนสไตล์การใช้ชีวิตของเราเช่นกัน

"เราไม่ควรเป็นภาระลูกหลาน แต่รัฐบาลก็ต้องดูแล ทุกวันนี้ กระทรวงสาธารณสุขเตรียมไว้แล้ว แต่เราหนีสังคมผู้สูงอายุไม่พ้น ต้องเตรียมให้การดูแลสุขภาพ สุขภาวะด้วย ซึ่งงบประมาณที่ต้องดูแลเรื่องสุขภาพ ตามสิทธิ์ สปสช. บัตรทอง หรือ 30 บาทรักษาทุกโรค ต้องมีการเตรียมเงินสำรองมากขึ้น เพราะในอนาคต อายุไขอาจปรับไปจนถึง 80-85 ปี เงินเหล่านี้รัฐบาลต้องหา ซึ่งต้องสนับสนุนให้ภาคธุรกิจประกอบการค้า สนับสนุนให้เสริมสร้างรายได้เข้าประเทศ เพื่อเก็บภาษีจากภาคธุรกิจ หรือภาษีเงินได้ส่วนบุคคล และภาษีอื่น ๆ ภาษีนำเข้า ภาษีสรรพสามิต เป็นต้น เพราะเงินเหล่านี้ต้องนำมาใช้ดูแลคุณภาพประชากรของประเทศ เป็นสิ่งที่รัฐบาลจะต้องทำ ถึงใช้คำว่าเป็นทางรอด ไม่ใช่ทางเลือก ต้องมีการพัฒนาที่ยั่งยืน เหมาะสมกับสภาพประเทศของเรา" นายอนุทิน กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเคยมาจากภาคธุรกิจมาก่อน เรามองหลาย ๆอย่าง มองประเทศไทยอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมองเป็นภูมิภาคอาเซียน ไทยเป็นไข่แดงตรงกลาง จะไปญี่ปุ่น สหรัฐฯ ไปยุโรป ตะวันออกกลาง ไปแอฟริกา เรามีทั้งภูเขา ทะเล ทางบก และทางน้ำ เชื่อมตะวันตกมาตะวันออก ทุกที่ผ่านประเทศไทยหมด ถ้ามาประเทศเราต้องแวะ ต้องใช้ ต้องผลิต ต้องลงทุน ประเทศไทยมีศักยภาพที่สุดในอาเซียนที่สามารถทำได้ ในเรื่องการเมืองจริง ๆ ก็มีเสถียรภาพ แต่ต่อให้การเมืองไม่มีเสถียรภาพ แต่นักการเมืองรู้ดีว่า อย่าไปแตะผู้ประกอบการที่กำลังสร้างประเทศ ประเทศไทยผ่านวิกฤตต่าง ๆ มา แต่การสนับสนุนด้านเศรษฐกิจก็ไม่เคยลดน้อยลง

"สิ่งที่ต้องแก้ ทำให้รัฐบาลมีความเป็นตัวเองให้มากที่สุด ช่วยเหลือกลุ่มทุนได้ สนับสนุนกลุ่มทุนได้ หาทางออกให้กลุ่มทุน แต่ต้องไม่ให้กลุ่มทุนชี้นำรัฐบาล เท่านั้นเอง แล้วประเทศมีการแข่งขันได้เต็มที่แน่ แล้วทุกคนจะรู้ถึงโอกาส และสังคมการเมืองก็จะเปลี่ยนไป และไทยจะเริ่มปรับความเป็นสากล ความเป็นธรรมาภิบาลมากขึ้น เพราะเราถูกบีบจากสังคมทั้งภายในและภายนอก" นายอนุทิน กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรามีภาวะสงครามการค้าระหว่างมหาอำนาจในช่วงนี้ ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ กฏระเบียบการค้าที่ซับซ้อนขึ้น ผู้ประกอบการต้องเผชิญความผันผวน รัฐบาลทุกประเทศคิดมาตรการที่เป็นประโยชน์กับประเทศของเขา และอาจเป็นโทษกับประเทศคู่ค้าอื่น ๆ ซึ่งวันนี้โลกเป็นอย่างไร เราก็ปรับเปลี่ยน การที่สหรัฐฯขึ้นภาษี สิ่งแรกที่เราต้องคิดถึงตลาดอื่นอยู่ที่ไหน เราต้องไปให้ได้ มีตลาดอื่นที่สามารถรองรับได้หรือไม่ เราต้องมองฐานการผลิตของเรา

"ผมเคยคิด ขึ้นภาษีมาก ๆ ไม่ว่าประเทศไหนก็ตาม การกีดกันทางเศรษฐกิจขึ้นมา อยากกินกุ้งอร่อย ๆ สด ๆ ถูก ๆ คุณจะหากุ้งถูกจากประเทศไทยที่ไหนมี อยากกินเบียร์ดี ๆ ที่ราคามาตรฐาน ผู้คนกินได้ระดับล่างกินล่าง ระดับกลาง ระดับสูงอีกอย่างหนึ่ง จะไปซื้อที่ไหน ถ้าไม่ใช่ประเทศไทย ถ้าขึ้นภาษีไป คนประเทศนั้นเดือดร้อน เราต้องดูตรงนี้เหมือนกัน ไม่ใช่ขึ้นภาษีแล้วไปบอกว่า ลดมาเถอะ อะไรก็ยอม ผมว่าเราทำแบบนั้นไม่ได้" นายอนุทิน กล่าว

อย่างไรก็ตาม ขอชื่นชมรัฐบาลที่แล้ว ที่สุดท้ายไทยได้อัตราภาษีที่ 19% เราไม่ได้เสียอะไรเลย เราใช้กลไกทุกอย่างที่เรามี ลดมาเหลือ 19% ด้วยปัญหาความขัดแย้งที่เรามีกับประเทศเพื่อนบ้าน ทางสหรัฐฯ ก็พยายามมีข้อตกลงที่ดีต่อกัน เพื่ออะไรก็แล้วแต่ เพื่อประโยชน์ประเทศเขาด้วยในการที่จะมามีส่วนเกี่ยวข้องการค้า ความมั่นคงในภูมิภาคนี้ สิ่งแรกที่ตนคิด อยากได้เงื่อนไขแบบนี้ ต้องคุยกันได้ รับฟังกันได้ ปากก็ต้องพูด ภาษีลดได้อีกหรือไม่ ถ้าลดได้อีก ทำให้เราตัดสินใจตามคำแนะนำของเขาได้มากขึ้น เพื่อความสงบสุขของโลกใบนี้ต้องช่วยกัน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลใช้โอกาสทั้งหลายเพื่ออุตสาหกรรมไทย เพื่อปากท้องคนไทยทุกคน เรื่องการปรับตัวด้านต่าง ๆ ขอยืนยันว่า ไทยให้ความรู้กับประชาชน ให้ความสำคัญกับสังคมสีเขียว ภาคผลิตต้องดูเรื่องการผลิตคาร์บอน รัฐพร้อมให้สิทธิประโยชน์กับภาคธุรกิจที่ส่งเสริมด้านพลังงานสะอาด และรัฐบาลกำลังมีนโยบายเรื่องโซลาร์ชุมชน ตอนนี้พยายามรวมกริด บางบ้านใช้มาก ใช้น้อย ก็รวมแล้วเอาไปขาย และเอาเงินมาจุนเจือหมู่บ้านเหล่านั้น ซึ่งเป็นความคิดริเริ่มตั้งแต่ตอนที่เป็นรัฐมนตรีในสมัยรัฐบาลที่แล้ว ซึ่งเมื่อวันนี้ได้กลับมา และมีอีกสถานะเป็นนายกรัฐมนตรีด้วย จึงเชื่อมั่นว่า จะสามารถเร่งให้นโยบายนี้เกิดขึ้นโดยเร็ว

"ผมพูดเสมอว่า รัฐบาลชุดนี้นายกรัฐมนตรีสั่ง รมว.มหาดไทยได้เต็มที่ และรัฐมนตรีมหาดไทยก็จะปฏิบัติ และถ้ารัฐมนตรีมหาดไทยแนะนำอะไร นายกรัฐมนตรีก็จะเชื่อฟัง ผมคิดว่าจะใช้เวลานี้ก่อให้เกิดประโยชน์มากที่สุด" นายอนุทิน กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อีกอุตสาหกรรม คือ เรื่องของสุขภาพการฟื้นฟูประเทศไทย พูดได้เลยว่าเป็นประเทศเดียวที่เป็นตัวเลือกของคนต่างชาติที่จะเข้ามาฟื้นฟูสุขภาพ เข้ามารักษาพยาบาลในประเทศไทย เช่น โรงพยาบาลศิริราช ดูแลพี่น้องประชาชน แต่ถ้าเป็นพรีเมี่ยม ก็ไปที่ศิริราชปิยมหาราชการุณย์ สำหรับคนที่มีกำลังจ่าย ซึ่งเงินทองเหล่านั้น ก็นำไปใช้เป็นเงินบำรุงกองทุนที่โรงพยาบาลศิริราช กำไรก็นำไปดูแลพี่น้องประชาชนที่มาใช้โรงพยาบาลศิริราช ถือเป็นโมเดลที่ดีมาก

"ผมเคยเป็น รมว.สาธารณสุข โรงพยาบาลราชวิถีก็ทำได้ โรงพยาบาลไหน หากมีกองทุนมีผู้บริจาคทำขึ้นมาให้คนไข้ที่ยินดีที่จะจ่ายพรีเมียม ไปรักษาตรงจุด นำกำไรมาดูแลโรงพยาบาล เป็นเงินบำรุงที่เพิ่มเติมขึ้นมา" นายกรัฐมนตรี กล่าว

ทั้งนี้ หากประชาชนอยู่ในระบบประกันสังคม หรือหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ถ้าหากมีสุขภาพดี ก็เฉลี่ยสิทธิ์ไปยังผู้ป่วยอื่น ๆ ได้เข้าถึงการรักษาพยาบาลที่มีมาตรฐานสูง การที่เราดูแลสุขภาพไดดี ถือเป็นการทำบุญทุกวันเหมือนกัน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเทศไทยของเราไม่ใช่ไม่มีอนาคต อาจชะงักไปบ้างในเรื่องการเมือง แต่เรื่องการเมืองต้องปล่อยให้ว่ากันไป แต่คนในชาติต้องรัก ต้องสามัคคีต่อกัน และการเมืองจะมาดูแลประชาชนเอง เพราะเมื่อคนในชาติไม่ต้องการความขัดแย้ง นักการเมืองก็ไม่กล้าขัดแย้ง อย่าให้นักการเมืองมานำท่าน ท่านต้องนำการเมือง

"ผมคิดว่าจะใช้โอกาส บุญวาสนา มาจนถึงจุดนี้ได้ จะไม่ทำอะไรเยอะ ทำแบบพอเพียงแต่ให้ยั่งยืน ยืดยาว และพร้อมปรับปรุง รับฟัง สนับสนุนให้ท่านทั้งหลาย ได้ดำเนินกิจการด้วยความมั่นคง ยั่งยืนในทุกมิติ" นายอนุทิน กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ