นายโสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมในขณะนี้ว่า สิ่งแรกที่ต้องแจ้งประชาชนในสถานการณ์น้ำปัจจุบัน คือขณะนี้ฝนตกลงมามากเกินกว่าที่กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์ไว้ เลยเป็นเหตุให้ 2 เขื่อนคือเขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ ต้องกักและระบายน้ำ
ทั้งนี้ ได้มีการบริหารจัดการสมดุลระหว่างการกักน้ำและปล่อยน้ำ รวมถึงบริหารจัดการให้เขื่อนเจ้าพระยาสามารถรองรับสถานการณ์ได้ เนื่องจากมีเหตุซ้ำซ้อน คือหางของพายุ "แมตโม" ที่จะมาในช่วง 2-3 วันนี้ ดังนั้น สถานการณ์ที่เตรียมไว้ในตอนนี้ คือจะบริหารจัดการให้กักน้ำใน 3 เขื่อนหลักให้สมดุลกัน เพื่อทำให้การกักน้ำและปล่อยน้ำไม่เกิดปัญหา คือเขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนภูมิพล และเขื่อนเจ้าพระยา เพื่อไม่ให้เกิดสถานการณ์เหมือนปี 54
ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมที่ขณะนี้เกิดขึ้นในหลายจังหวัด นายโสภณ กล่าวว่า สิ่งสำคัญหลักของรัฐบาลนี้ คือนายกรัฐมนตรีได้ดำริไว้ว่า ปัญหาอุปสรรคที่ขัดต่อระเบียบบางเรื่องต้องเร่งแก้ไข เช่น วันนี้ภาคอีสานน้ำท่วมข้าว ซึ่งกรณีการชดเชยภัยพิบัติตามระเบียบคือต้องเสียหายโดยสิ้นเชิง พอใช้คำนี้ก็ไม่ได้คำนึงว่า ก่อนที่หว่านข้าวได้ ไถแล้ว ลงทุนแล้ว หว่านแล้ว และข้าวกำลังโต พอน้ำท่วมในระยะหนึ่ง 7 วัน ข้าวก็เสียหาย แต่ไม่ได้เสียหายโดยสิ้นเชิง จึงเป็นการยากในการตัดสินใจของจังหวัดที่จะประกาศภัยพิบัติ โดยจะมีการประชุมคณะกรรมการช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยนายกฯ ได้กำหนดไว้เป็นวันที่ 8 ต.ค. นี้
"แม้ว่ารัฐบาลจะเพิ่งเข้ามาทำงาน ดังนั้น เรื่องสถานการณ์น้ำ ขอให้มั่นใจว่าการบริหารจัดการ ณ ขณะนี้เอาอยู่ ไม่เหมือนปี 54" นายโสภณ กล่าวส่วนน้ำจะท่วมกรุงเทพฯ หรือไม่นั้น นายโสภณ กล่าวว่า ขอใช้คำว่าจะไม่เหมือนปี 54 ซึ่ง ณ วันนี้ยังไม่ท่วม แต่ก็ต้องติดตามสถานการณ์ พยากรณ์อากาศ และการจัดการ ซึ่งเรารับมือได้ ยกเว้นภัยพิบัติจากธรรมชาติที่เกิดอยู่
ในส่วนของน้ำรอระบาย ก็อาจจะมีบ้าง พร้อมย้ำรัฐบาลเตรียมความพร้อมอยู่แล้ว คณะกรรมการก็มีการประชุม สิ่งที่รัฐบาลให้ความสนใจคือการสื่อสาร การแจ้งเตือน ซึ่งนายกฯ ให้ความสำคัญว่าต้องเร็ว ถึงท่วมแต่ประชาชนก็ต้องได้รับรู้
"ยืนยันว่า น้ำจะไม่ท่วมเหมือนปี 54 แน่นอน เราพร้อมทุกอย่าง ทั้งการเตือนภัย การรองรับจากส่วนราชการ การบูรณาการกัน เรามีความมั่นใจว่าบริหารจัดการได้" นายโสภณ กล่าว