
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า จากสถานการณ์พื้นที่ทางภาคเหนือ ซึ่งมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ทำให้เกิดน้ำท่วมในบางจังหวัด ประชาชนในกรุงเทพมหานครอาจจะกังวลเรื่องสถานการณ์น้ำ และส่งผลกระทบต่อระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว กรุงเทพมหานครได้ติดตามสถานการณ์และประสานข้อมูลร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมชลประทาน ศูนย์อำนวยการน้ำแห่งชาติ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ อย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์น้ำ ที่อาจส่งผลให้เกิดน้ำท่วมในบางพื้นที่ของกรุงเทพมหานครได

ทั้งนี้ สำนักการระบายน้ำ แจ้งสภาวะระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณกองบัญชาการกองทัพเรือ (กรุงเทพมหานคร) และพื้นที่ใกล้เคียงในช่วงวันที่ 9-12 ต.ค. 68 เป็นช่วงที่ระดับน้ำทะเลหนุนสูง ฐานน้ำทะเล ระดับ +1.18 ถึง +1.20 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ม.(รทก.) จะส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพฯ บริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำตามแนวริมแม่น้ำเจ้าพระยา และแนวเขื่อนชั่วคราว หรือแนวฟันหลอ ที่ยังไม่มีแนวป้องกันน้ำท่วมถาวร ทั้งนี้ระดับน้ำดังกล่าว ยังไม่ส่งผลกระทบต่อแนวป้องกันน้ำท่วมของกรุงเทพฯ

ขณะที่สถานการณ์ฝนในเดือนต.ค.นี้ ช่วงวันที่ 6-8 ต.ค. 68 จะมีฝนตกเพิ่มขึ้น จากอิทธิพลหย่อมความกดอากาศต่ำ ที่อ่อนกำลังลงจากพายุ "แมตโม" ช่วงวันที่ 9-14 ต.ค. 68 มีฝนกระจาย และฝนตกหนักบางแห่ง กรุงเทพฯ และปริมณฑล เนื่องจากร่องมรสุมจะเลื่อนลงมาพาดผ่านบริเวณดังกล่าวต้องระวังฝนตกหนัก และฝนตกสะสม โดยเฉพาะพื้นที่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยา และลุ่มน้ำต่าง ๆ อาจมีระดับสูงขึ้น ช่วงวันที่ 15-20 ต.ค. 68 และช่วงแรก ๆ โดยภาพรวมถือว่ายังปกติถึงแม้ว่าช่วงกลางเดือนจะมีฝนตกที่ไม่ใช่พายุ แต่ระดับแม่น้ำเจ้าพระยายังคงไม่ถึงภาวะวิกฤต

กรุงเทพมหานครได้วางมาตรการรับมือน้ำให้กับประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ใน 2 มาตรการ เตรียมความพร้อมรับสถานการณ์น้ำเหนือ-น้ำหนุน ประกอบด้วย
1. ตรวจสอบแนวป้องกันน้ำท่วมริมแม่น้ำเจ้าพระยา และเฝ้าระวังจุดเสี่ยงน้ำท่วม
2. การเตรียมความพร้อมเจ้าหน้าที่ให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ
ส่วน 3 มาตรการพร้อมรับสถานการณ์น้ำฝน ประกอบด้วย
1. ลดระดับน้ำรองรับสถานการณ์ฝน
2. เตรียมความพร้อมระบบระบายน้ำ 3

3. เตรียมความพร้อมอุปกรณ์และเจ้าหน้าที่
กรุงเทพมหานครดำเนินการตรวจสอบพร้อมติดตามความมั่นคงปลอดภัยของคันกั้นน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นเส้นทางหลักในการระบายน้ำจากพื้นที่เหนือกรุงเทพมหานคร ลงสู่อ่าวไทย การบริหารจัดการน้ำเหนือที่ไหลลงมา มีผลโดยตรงต่อระดับน้ำในกรุงเทพมหานคร
นอกจากนี้เมื่อเกิดน้ำทะเลหนุนสูง ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาจะสูงขึ้นด้วย เพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วมเนื่องจากน้ำหลากจากแม่น้ำเจ้าพระยาไหลเข้าท่วมพื้นที่ กรุงเทพมหานครจึงก่อสร้างแนวป้องกันน้ำท่วมริมแม่น้ำเจ้าพระยา คลองบางกอกน้อย คลองมหาสวัสดิ์ คลองชักพระ และคลองพระโขนง มีความยาวริมตลิ่งประมาณ 88 กิโลเมตร ซึ่งแบ่งเป็นแนวป้องกันตนเองของเอกชนหรือหน่วยงานอื่น ความยาวประมาณ 3.65 กิโลเมตร แนวฟันหลอ 4.35 กิโลเมตร และเป็นแนวป้องกันน้ำท่วมของกรุงเทพมหานคร ซึ่งก่อสร้างโดยสำนักการระบายน้ำ ความยาวประมาณ 80 กิโลเมตร
กรุงเทพมหานคร โดยสำนักการระบายน้ำ ดำเนินการตรวจสอบแนวป้องกันน้ำท่วมตลอดช่วงฤดูฝนและช่วงน้ำเหนือ น้ำหนุน เฝ้าระวังจุดเสี่ยงเช่น แนวฟันหลอ ปัจจุบันได้ดำเนินการแก้ไขจุดฟันหลอแล้วเสร็จ 22 จุด (จากจำนวนทั้งหมด 32 จุด) คงเหลือแนวฟันหลอ 10 จุด ความยาว 1.18 กม. และเรียงกระสอบทรายในจุดฟันหลอที่ยังไม่แล้วเสร็จและช่องเปิดท่าเรือ (ประมาณ +2.40 ถึง +2.70 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง) เพื่อต้านทานแรงดันของมวลน้ำ การเรียงกระสอบทรายประจำปี 2568 ดำเนินการแล้วเสร็จตามแผน 75 จุด ความยาว 3,222 ม. ใช้กระสอบทรายทั้งสิ้น 198,700 ใบ ใช้ทราย 1,656 ลบ.ม.
นอกจากนี้ ยังมีการใช้มาตรการเสริมเพื่อเพิ่มความมั่นใจ ได้แก่ การติดตั้งเครื่องสูบน้ำแบบเคลื่อนที่ และการเตรียมพร้อมของเครื่องจักรกลในบริเวณใกล้เคียง เพื่อสูบน้ำฝนหรือน้ำที่อาจรั่วซึมผ่านแนวป้องกันชั่วคราวออกสู่ระบบระบายน้ำหลัก พร้อมทั้งจัดชุดเจ้าหน้าที่ เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำตลอด 24 ชั่วโมง
ด้าน นายฐนโรจน์ วรรัฐประเสริฐ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการน้ำแห่งชาติ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวถึงสถานการณ์น้ำเหนือว่า วันที่ 6 ต.ค. 68 ปริมาณน้ำใน 4 เขื่อนหลักลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา เขื่อนภูมิพล มีปริมาณน้ำ 89% เขื่อนสิริกิติ์ 96% เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน 100% และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ 73%
โดยทั้ง 4 เขื่อนหลักยังสามารถรับน้ำได้อีก 2,042 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนแม่น้ำเจ้าพระยาที่สถานีวัดน้ำ C.2 จ.นครสวรรค์ ปริมาณ น้ำไหลผ่าน 2,748 ลบ.ม./วินาที (เมื่อวาน 2,776 ลบ.ม./วินาที) เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ระบาย 2,500 ลบ.ม./วินาที (เมื่อวาน 2,500 ลบ.ม./วินาที) เขื่อนป่าสักฯ ระบายน้ำลงสู่แม่น้ำป่าสัก 450 ลบ.ม./วินาที (เมื่อวาน 450 ลบ.ม./วินาที) และที่เขื่อนพระรามหก ระบายน้ำ 562 ลบ.ม./วินาที (เมื่อวาน 594 ลบ.ม./วินาที) ทำให้มีน้ำไหลมาบรรจบกันที่แม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณสถานี C.29B อ.สามโคก จ.ปทุมธานี เฉลี่ย 2,421 ลบ.ม./วินาที (เมื่อวาน 6 ต.ค. 2,474 ลบ.ม./วินาที)