หนาวมาแล้ว!! ไทยเข้าสู่ฤดูหนาว 23 ต.ค. เย็นสุดกลางธ.ค.68-ต้นก.พ.69 กทม.ต่ำสุด 18 องศา

ข่าวทั่วไป Tuesday October 21, 2025 13:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานว่า ประเทศไทยจะเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการในวันที่ 23 ต.ค. 68 ซึ่งล่าช้ากว่าปกติราวหนึ่งสัปดาห์ โดยจะเริ่มมีอากาศเย็นบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หลังจากนั้นอากาศเย็นจะขยายพื้นที่ครอบคลุมบริเวณภาคกลางและภาคตะวันออก ส่วนภาคใต้จะยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่

น.ส.สุชาดา ซาง แทนทรัพย์ เลขานุการรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และโฆษกกระทรวงดีอี เปิดเผยว่า การเข้าสู่ฤดูหนาวหมายถึงอุณหภูมิบริเวณประเทศไทยตอนบนลดลงจนมีอากาศเย็นอย่างต่อเนื่อง และลมที่พัดปกคลุมประเทศไทยได้เปลี่ยนเป็นลมตะวันออกเฉียงเหนือหรือลมตะวันออก รวมถึงประเทศไทยตอนบนจะมีปริมาณฝนลดลงอย่างชัดเจน แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกพื้นที่จะมีอากาศหนาวเย็นพร้อมกันในทันที

โดยคาดว่าช่วงอากาศเย็นที่สุดจะอยู่ระหว่างกลางเดือนธ.ค. 68 ถึงต้นเดือนก.พ. 69 อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ยในภาพรวมอยู่ที่ประมาณ 21-22 องศาเซลเซียส สำหรับพื้นพื้นที่ยอดดอยและยอดภูในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เช่น แม่ฮ่องสอน เชียงราย พะเยา น่าน เลย นครพนม และสกลนคร บางวันอาจมีอากาศหนาวจัด อุณหภูมิลดลงถึง 7-8 องศาเซลเซียส และมีโอกาสเกิดน้ำค้างแข็ง

ส่วนกรุงเทพมหานครและปริมณฑล คาดว่าอุณหภูมิต่ำสุดจะอยู่ที่ประมาณ 18-20 องศาเซลเซียส ขณะที่ภาคใต้ โดยเฉพาะด้านฝั่งอ่าวไทย จะยังคงมีฝนตกชุกและอาจมีฝนตกหนักเป็นช่วง ๆ จากหย่อมความกดอากาศต่ำและพายุหมุนเขตร้อน ซึ่งอาจก่อให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน พายุฝนฟ้าคะนอง และคลื่นลมแรง

น.ส.สุชาดา กล่าวว่า ประชาชนควรเตรียมพร้อมรับมือกับสภาพอากาศที่แปรปรวนในช่วงเปลี่ยนผ่านฤดู โดยเฉพาะหมอกหนา น้ำค้างแข็ง และการขับขี่ยานพาหนะพื้นที่สูง รวมถึงควรระมัดระวังคลื่นลมแรงในทะเลภาคใต้ และติดตามประกาศเตือนภัยจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด เพื่อความปลอดภัยทั้งในชีวิตและการประกอบอาชีพ

ด้าน น.ส.สุกันยาณี ยะวิญชาญ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า ในช่วงต้นฤดู สภาพอากาศยังคงมีความแปรปรวน โดยจะมีฝนตกในบางพื้นที่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก กรุงเทพมหานครและปริมณฑล กรมอุตุนิยมวิทยา จึงยังคงติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง พร้อมสื่อสารข้อมูลล่วงหน้าอย่างทันท่วงที เพื่อให้ประชาชนสามารถเตรียมตัวทั้งด้านสุขภาพ การเดินทาง และการดำเนินชีวิตได้อย่างมั่นใจ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ