
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวภายหลังการประชุมติดตามการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดของบุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร เพื่อประกอบกิจการ หรือดำเนินกิจกรรมผิดกฎหมาย ในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีว่า ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สำราญ นวลมา รอง ผบ.ตร. ในฐานะดูแลงานความมั่นคง ลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีแล้ว โดยได้มีการเน้นย้ำที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจพื้นที่ บูรณาการโดยอาศัยกำลังตำรวจตระเวนชายแดนเข้าร่วม
ซึ่งขณะนี้ มีการรวบรวมข้อมูลชาวอิสราเอลที่อยู่ในประเทศไทย ประมาณกว่า 32,000 คน โดยแบ่งเป็น ระยะสั้น-เข้ามาท่องเที่ยวทั่วไป ประมาณ 27,000 คน ระยะยาว-เข้ามาศึกษาและประกอบอาชีพ 5,000 คน ซึ่งหากรายใดกระทำผิด ให้ยึดหลักด้วยการใช้กฎหมายนำ และเข้มข้นในเรื่องการตรวจสอบและการดำเนินคดี
"ทุกพื้นที่ ก็มีการดำเนินคดีมาก ทั้งในเรื่องของการจราจรทางบก การประกอบอาชีพ การพักอาศัย หรืออยู่เกินกฎหมายกำหนด (โอเวอร์สเตย์) ก็มีผลงานปฎิบัติส่งกลับมาอย่างชัดเจน และได้เน้นย้ำในเรื่องของการกำหนดมาตรการการปฎิบัติ วันนี้ทุกหน่วยได้รับทราบหมดแล้ว" ผบ.ตร. กล่าวด้าน พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.สำราญ นวลมา รอง ผบ.ตร. ได้มีข้อสั่งการ เพื่อให้บรรยากาศของการท่องเที่ยวเป็นไปด้วยดี ส่งผลดีกับนักท่องเที่ยวทุกชาติที่เดินทางมาในประเทศไทย ตลอดจนการสร้างความมั่นใจของผู้ประกอบการสถานประกอบการชาวไทย ในการให้บริการนักท่องเที่ยวได้อย่างดี ดังนี้
1. ในกลุ่มปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนโดยตรง ให้หน่วยงานตำรวจบูรณาการกำลังหน่วยที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบบุคคลและสถานที่เสี่ยงที่จะกระทำผิดกฎหมาย และบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด รวมทั้งกรณีมีการสร้างความเดือดร้อนรำคาญ ให้ดำเนินคดีตามกฎหมายทุกกรณี และเพิ่มความเข้มในการบังคับใช้กฎหมายจราจร
2. ในส่วนของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ให้หัวหน้าตรวจคนเข้าเมืองจังหวัด นำโมเดลของ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน และ จ.สุราษฎร์ธานี ไปปรับใช้ โดยดำเนินการตรวจสอบคนต่างด้าวในพื้นที่ให้เป็นในลักษณะป้องกันก่อนเกิดเหตุ ก่อนที่ประชาชนจะได้รับความเดือดร้อน โดยให้คำนึงถึงความสมดุลระหว่างภาพลักษณ์การท่องเที่ยวในพื้นที่ และความมั่นคง
3.ให้หัวหน้าตรวจคนเข้าเมืองจังหวัด จัดทำข้อมูลท้องถิ่น (IPB) ของบุคคลต่างด้าว ไม่จำกัดเฉพาะสัญชาติใดสัญชาติหนึ่ง เพื่อป้องกันการก่อปัญหาความเดือดร้อนของคนต่างชาติทุกสัญชาติ
4.ให้หัวหน้าตรวจคนเข้าเมืองจังหวัด เสนอผู้ว่าราชการจังหวัด จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการ (ศปก.) การท่องเที่ยว เพื่อบูรณาการกำลังหน่วยงานภาครัฐและส่วนราชการในพื้นที่ ในการควบคุมการกระทำความผิดต่าง ๆ ของบุคคลต่างด้าว ในขณะเดียวกัน ก็ทำหน้าที่ป้องกันและอำนวยความสะดวกให้แก่บุคคลต่างด้าว
5.กรณีสถานที่ใดมีลักษณะปิด ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือผู้เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบ แล้วประชาสัมพันธ์ชี้แจงให้ประชาชนเกิดความเข้าใจ
6.ให้ทุกหน่วย ได้แก่ ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัด, ตำรวจท่องเที่ยว และสถานีตำรวจภูธรเกาะพะงัน ร่วมบูรณาการกำลังในการตรวจพื้นที่รับผิดชอบ โดยให้มีแผนการตรวจที่มีลักษณะเหลื่อมเวลากัน เพื่อให้เพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ
7.ให้ทุกส่วนราชการบังคับใช้กฎหมายในความรับผิดชอบโดยเคร่งครัด ปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมาย โดยไม่แบ่งแยกว่าเป็นบุคคลสัญชาติใด หรือศาสนาใด
8.ให้ประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี ช่วยเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน