
นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รมว.สาธารณสุข เปิดเผยว่า การขับเคลื่อนนโยบาย Quick Win ของกระทรวงสาธารณสุข ภาพรวมทุกนโยบายดำเนินการได้ตามแผนที่วางไว้ และหลายประเด็นเห็นผลเป็นรูปธรรมแล้ว อาทิ ประเด็น "30 บาทรักษาทุกที่และฟอกไตฟรีได้ทุกแห่ง" นอกจากการกำกับติดตามคุณภาพของหน่วยบริการทั่วประเทศ รวมถึงแก้ไขปัญหาผู้ป่วยฟอกไตถูกเรียกเก็บเงินเพิ่มเติมจะมีการเพิ่มศักยภาพทีมเจรจาและทีมจัดเก็บอวัยวะเพื่อนำมาปลูกถ่ายให้กับผู้ป่วย
ประเด็น "หมอไม่ล้า ประชาชนไม่รอ เชื่อมต่อทุกบริการผ่านเทคโนโลยี" หลังนำร่องระบบนัดหมายออนไลน์ ใน 4 โรงพยาบาลและเขตสุขภาพที่ 4 เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ขณะนี้โรงพยาบาลในสังกัด 902 แห่งมีการเปิดระบบแล้ว 54%
ส่วนหมอพร้อม Super App และระบบ Health ID เด็ก/ทารกแรกเกิด ขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาและทดสอบระบบก่อนเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะแล้วเสร็จในเดือนมกราคม 2569 เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน
ส่วนประเด็น "เครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจใหม่ของประเทศด้วยการแพทย์มูลค่าสูง" มีการประสานความร่วมมือกับ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB เตรียมจัดงาน "1st Thailand Health Economic Forum" ซึ่งเป็นงานด้านเศรษฐกิจสุขภาพครั้งแรกของประเทศ ในช่วงเดือนธันวาคม 2568 นี้
ด้านนายวรโชติ สุคนธ์ขจร รมช.สาธารณสุขกล่าวเพิ่มเติมว่า นโยบายยกระดับ อสม. ให้เป็นผู้ดูแลผู้สูงอายุ ผู้ช่วยแพทย์แผนไทย ผู้ช่วยสาธารณสุข ขณะนี้มีการพัฒนาหลักสูตรและแนวทางรองรับแล้ว จะเริ่มดำเนินการได้เดือนพฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป ส่วนการปราบปรามป้องกันการกระทำผิดกฎหมายด้านสุขภาพมีการสนธิกำลังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกตรวจสอบจับกุมผู้กระทำผิดอย่างต่อเนื่องและต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ จะทำความร่วมมือกับแพลตฟอร์มที่ให้บริการตลาดออนไลน์ เพื่อตรวจจับไม่ให้มีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ผิดกฎหมายด้วย
สำหรับการเร่งรัดให้แรงงานต่างชาติ/ต่างด้าว ซื้อประกันสุขภาพ เพื่อลดภาระงบประมาณรัฐ มีการนำร่องระบบ FDH Migrant ในศูนย์พักพิงชั่วคราวสำหรับผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมา ที่จังหวัดตาก แม่ฮ่องสอน กาญจนบุรี และราชบุรี เตรียมลงนามความร่วมมือกับกระทรวงแรงงานและกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้มีข้อมูลแรงงานต่างชาติ/ต่างด้าวที่ครอบคลุมสามารถติดตามข้อมูลสุขภาพและเป็นประโยชน์ในการป้องกันควบคุมโรคได้ อย่างมีประสิทธิภาพ