จากกรณีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือในการพัฒนาของห่วงโซ่อุปทานของแร่สำคัญ (แรร์เอิร์ธ) ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ
นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ชี้แจงว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เครื่องมือกดดันทางการเมืองหรือเศรษฐกิจจากสหรัฐฯ ไม่ใช่หนังสือสัญญาที่มีข้อผูกมัด แต่เป็นเพียงข้อตกลงเบื้องต้นในการแลกเปลี่ยนความร่วมมือ ซึ่งไทยเองก็สามารถไปลงทุนในสหรัฐฯ ได้เช่นกัน ถือเป็นการต่างตอบแทนซึ่งกันและกัน ซึ่งการลง MOU ในครั้งนี้คล้ายกับที่ไทยไปลงนามกับประเทศอื่น และไม่ได้ทำกับประเทศเดียว ทำทั้งกัมพูชา มาเลเซีย และสามารถยกเลิกได้ เพราะมีข้อยกเลิกไว้อยู่แล้ว
นอกจากนี้ ใน MOU ดังกล่าวไม่ได้ใช้คำว่า คู่สัญญา แต่ใช้ว่า ความร่วมมือ ฉะนั้น เป็นความเท่าเทียมกันในการตกลงของทั้งสองฝ่าย ยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายภายใน และได้นำเข้าที่ประชุมครม.นัดพิเศษแล้ว ซึ่งมีการพิจารณากันอย่างละเอียด และรมว.ต่างประเทศช่วยดูในเรื่องของถ้อยคำ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ส่วนกฤษฎีกาดูในเรื่องกฎหมาย เราดูครบในทุกมิติ
ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า เป็นข้อตกลงในการร่วมกันศึกษา และพัฒนาแร่หายาก ทุกอย่างเป็นไปตามหลักกฏหมายไทย และตามหลักธรรมาภิบาล ตนคิดว่าไม่ใช่เรื่องที่ผูกพันกันทางกฎหมายสามารถยกเลิกได้ และหากมองภาพรวมด้วยใจที่เป็นธรรม คิดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องการต่อยอดเทคโนโลยีต่าง ๆ โดยเฉพาะยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และ แบตเตอรี่
"ไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศอย่างแน่นอน ย้ำว่าเราจะได้ประโยชน์อย่างแน่นอน อย่างน้อยที่สุดการศึกษาพัฒนา มีการนำเทคโนโลยีเข้ามา ซึ่งประเทศไทยเรายังไม่ถึงขั้นนั้น" นายธนกร กล่าวส่วนการประเมินเรื่องผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมนั้น นายธนกร กล่าวว่า เราคำนึงอยู่แล้ว ถ้ามองในข้อเท็จจริง อดีตที่ผ่านมาแร่ต่าง ๆ ในพื้นที่ภาคใต้ เช่น แร่ดีบุกมันมีแร่ในส่วนนี้ซ้อนอยู่ แต่ความเข้มข้นต่ำไม่สามารถนำไปทำอย่างอื่นได้
รมว.อุตสาหกรรม ยืนยันว่า ไทยไม่ได้เสียเปรียบสหรัฐฯ เพราะเปิดกว้างการลงนามบันทึกข้อตกลงสามารถทำกับประเทศอื่นได้ ไม่แน่ว่าหลังจากนี้นายกฯ อาจทำกับประเทศออสเตรเลียก็ได้ เพราะวันนี้เรานำเข้าแร่จำนวนมาก ยืนยันว่าเราไม่ได้ปิดกั้น
"สำคัญที่สุดต้องถือว่าเป็นไปตามกฎหมายไทยและรัฐธรรมนูญ จึงไม่ต้องกังวล ทุกฝ่ายมองอย่างละเอียดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการกฤษฎีกา รวมถึงนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี และมีการขอมติคณะรัฐมนตรี ให้เห็นชอบก่อนไปลงนาม...เรื่องนี้ไม่ใช่การลักไก่ ทุกอย่างผ่านขั้นตอน ครม. อย่างถูกต้อง รัฐบาลพร้อมชี้แจง และยืนยันว่าข้อตกลงนี้จะสร้างประโยชน์ให้ประเทศในระยะยาว" นายธนกร กล่าว