นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย กล่าวภายหลังหารือทวิภาคีกับ นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยมีนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ นางศุภจี สุธรรมพันธ์ รมว.พาณิชย์ พร้อมด้วยปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และข้าราชการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมว่า กัมพูชาและไทยได้หารือกัน เพื่อเร่งให้การดำเนินการตามปฏิญญาที่ได้ลงนาม 4 ข้อให้ดำเนินการโดยเร็ว ซึ่งตอนนี้การเริ่มถอนอาวุธหนักได้เริ่มดำเนินการแล้วตั้งแต่วันแรกที่มีการลงนาม ตนได้แจ้งนายกรัฐมนตรี กัมพูชาอีกว่าขอให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ในการเก็บกู้วัตถุระเบิด และจะได้ดำเนินการด้วยความรวดเร็วเช่นกัน
ส่วนการเปิดด่านนั้นยังไม่พูดถึงจนกว่าหาก 4 ข้อนั้นได้รับการปฏิบัติ ก็จะมาพูดคุยเรื่องความสัมพันธ์ และเมื่อความสัมพันธ์กลับมาสู่ภาวะปกติ จึงจะไปดำเนินการในเรื่องการเปิดด่าน
ส่วนเรื่องการปราบปรามสแกมเมอร์ร่วมกัน ทั้งตำรวจไทยและตำรวจกัมพูชามีการประชุมร่วมกัน เพื่อหาวิธีการปราบปรามป้องกันอยู่ตลอด เพิ่งมีการทิ้งช่วงในตอนที่ไทยและกัมพูชามีปัญหาระหว่างกันใน 2-3 เดือนหลัง ก็จะให้ร่วมมือกันในการดำเนินการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีทุกอย่าง ไม่เพียงแค่สแกมเมอร์อย่างเดียว ยังรวมไปถึงออนไลน์ และการหลอกลวงคนไปกักกันหรือทำร้ายด้วย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้กำหนดเส้นตายให้กัมพูชาดำเนินการถอนอาวุธ ถ้าทำได้วันนี้ วันที่ 29 ตุลาคม เราก็จะถอนอาวุธออกไปให้มากและเร็วที่สุด ซึ่งผู้ที่กำหนดเส้นตายของไทยน่าจะเป็นแม่ทัพภาคที่ 2 ส่วนของกัมพูชาน่าจะเป็นแม่ทัพภาคที่ 4 ซึ่งได้พูดคุยกันอยู่แล้ว และวันนี้ รมว.กลาโหมของไทย จะตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาติดตามการดำเนินการตามข้อตกลง 4 ข้อ โดยมีผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นประธาน ซึ่งเมื่อเช้านี้ รมว.กลาโหมได้โทรมารายงานแล้ว ดังนั้นทุกอย่างได้ดำเนินการไปตามขั้นตอนและเวลาที่ควรจะเป็น และขณะนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยจากการที่มีการพูดคุยกัน ได้ทำความเข้าใจทั้ง 2 ฝ่าย ว่าตรงไหนที่ยังเป็นข้อสงสัยขอให้กลับไปแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการโดยเร็วที่สุด
พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่แนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในช่วงค่ำวันที่ 26 ต.ค.68 ถือเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ขณะนี้กองทัพภาคที่ 2 อยู่ระหว่างการพูดคุยในรายละเอียดกับกัมพูชา จึงขอให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงกลาโหมยึดมั่นในอธิปไตย และความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ จะไม่ยอมให้ไทยเสียศักดิ์ศรีอย่างแน่นอน
ส่วนการเก็บกู้ทุ่นระเบิดหากอยู่ในพื้นที่ของฝ่ายใดให้ฝ่ายนั้นเป็นผู้เก็บกู้ทุ่นระเบิด ส่วนการเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่ปราสาทตาควายและพื้นที่โดยรอบที่กัมพูชาวางไว้นั้น โดยเบื้องต้นเริ่ม 13 พื้นที่
ส่วนเครื่องยิงระเบิด BM 21 ตามแผนการปฏิบัติการได้กำหนดกรอบเวลาราว 6 สัปดาห์ หรือประมาณ 1 เดือนครึ่ง หรืออาจจะมากกว่านั้น และกัมพูชาก็เห็นพ้องด้วย ซึ่งจะมีอยู่ 3 เฟส คือ เริ่มทันทีในคืนวันที่ 26 ต.ค.68 ส่วนเฟสที่ 2 จะเริ่มภายใน 3 สัปดาห์ และเฟสที่ 3 คือ สัปดาห์ที่ 6 ซึ่งจะมีการแบ่งการถอนอาวุธเป็นล็อต ส่วนแต่ละล็อตจะถอนอาวุธอะไรบ้างนั้นอยู่ระหว่างการพูดคุย และต้องถอนพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นเฟสไหนก็ตาม
สำหรับการจัดตั้งคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) ใช้กรอบการทำงานประมาณ 3 เดือน และสามารถต่อได้อีก ซึ่งคาดว่าในห้วงเวลาดังกล่าว สามารถเห็นผลได้ใน 3 เรื่อง ทั้งถอนอาวุธหนัก เก็บกู้วัตถุระเบิดตามแนวชายแดน