ผู้ว่าฯ สงขลา สั่งการด่วน! อพยพประชาชนในเขตพื้นที่เสี่ยงสูงออกทั้งหมด ด้าน สทนช. เตือนระดับน้ำลุ่มน้ำคลองอู่ตะเภาเพิ่มสูงต่อเนื่อง หลังฝนตกหนัก
นายรัฐศาสตร์ ชิดชู ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ ด้านอุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม ปี 2568 จังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า ระดับน้ำในตัวเมืองหาดใหญ่เริ่มเข้าสู่ภาวะวิกฤตตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา (23 พ.ย.) โดยเย็นวันนี้ คาดการณ์ว่าจะมีปริมาณน้ำไหลเข้ามาเพิ่มอีก ซึ่งอาจจะสูงกว่าเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในปี 2553 หรืออยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน หากฝนยังตกลงมาทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น
ส่วนการนำรถและเรือเข้าไปให้ความช่วยเหลือในพื้นที่ประสบภัย ยอมรับว่าเป็นไปด้วยความลำบาก โดยเฉพาะในช่วงกลางคืน เนื่องจากพื้นที่ถูกตัดกระแสไฟฟ้า จึงทำให้เป็นอุปสรรคในการเข้าช่วยเหลือทุกภาคส่วนจึงต้องเร่งปฏิบัติงาน
ทั้งนี้ จากการประเมินสถานการณ์ของศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ ย้ำว่า "มีข้อสรุปเด็ดขาด" ให้ประชาชนในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ บริเวณชั้นใน "อพยพออกทั้งหมด" เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน โดยเฉพาะ "กลุ่มเปราะบาง" ที่ต้องลำเลียงออกมาก่อนเพื่อพาไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย
สำหรับพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด และต้องเร่งอพยพ คือ เทศบาลนครหาดใหญ่เขต 4, ย่านเขต 8, และบริเวณรอยต่อเทศบาลนครหาดใหญ่กับเทศบาลใกล้เคียง ซึ่งน้ำท่วมสูงพอๆ กัน ทั้งนี้ การบัญชาการเหตุการณ์ และการจัดสรรทรัพยากร ยังคงให้ความสำคัญกับการช่วยเหลืออพยพประชาชนเป็นหลัก ขณะนี้จังหวัดได้มีการย้ายศูนย์บัญชาการจากศาลากลาง ไปอยู่ที่มณฑลทหารบกที่ 42 (มทบ. 42) เพื่อร่วมกับกองทัพภาคที่ 4 ในการจัดสรรระดมทรัพยากร ทั้งยานพาหนะ เรือ เครื่องสูบน้ำ และอุปกรณ์ต่าง ๆ
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทุกหน่วยได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ อาสา รถ เรือ และมูลนิธิต่าง ๆ เริ่มเข้าช่วยเหลือประชาชนตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่ และยังปฏิบัติการอพยพอย่างต่อเนื่อง
ผู้ว่าฯ สงขลา กล่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ได้กำชับให้ดูแลเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รวมถึงการบริการอาหารอย่างเพียงพอ โดยย้ำว่ารัฐบาลจะไม่ทอดทิ้งประชาชนในพื้นที่ประสบภัย พร้อมขอความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่เสี่ยง คอยติดตามข่าวสารของทางราชการ เพื่อเตรียมตัวและปฏิบัติตามคำแนะนำในการอพยพอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การช่วยเหลือและการจัดการสถานการณ์เป็นไปอย่างปลอดภัยและทั่วถึงที่สุด
ด้านนายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า สทนช. ในฐานะคณะทำงานศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ (ศชภ.) ซึ่งแต่งตั้งขึ้นโดยนายกรัฐมนตรี เพื่อทำหน้าเป็นหน่วยบัญชาการบูรณาการหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน ในการอำนวยการและปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) ได้หารือร่วมกับกรมชลประทาน เพื่อติดตามและคาดการณ์สถานการณ์น้ำลุ่มน้ำคลองอู่ตะเภา หลังพบว่าฝนที่ตกหนักในพื้นที่ต้นน้ำ ทำให้ที่บริเวณสถานี X.173A อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น
โดยคาดว่าในวันนี้ จะเพิ่มสูงกว่าระดับตลิ่งประมาณ 1.90 เมตร หรือสูงกว่าระดับน้ำปัจจุบัน (เวลา 9.00 น. ของวันนี้) อีก 0.55 เมตร รวมถึงจะส่งผลต่อเนื่องถึงพื้นที่ตอนกลางและปลายน้ำ โดยคาดว่าในวันพรุ่งนี้ (25 พ.ย.) ช่วงเวลาประมาณ 00.00 - 01.00 น. ที่สถานี X.90 อำเภอคลองหอยโข่ง จังหวัดสงขลา ระดับน้ำจะเพิ่มสูงกว่าระดับตลิ่งราว 2.26 - 2.46 เมตร หรือสูงกว่าระดับน้ำปัจจุบัน 0.30 - 0.50 เมตร และในช่วงเวลาประมาณ 06.00 - 07.00 น. ที่สถานี X.44 อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ระดับน้ำจะเพิ่มสูงกว่าระดับตลิ่ง 2.00 - 2.20 เมตร หรือสูงกว่าระดับน้ำปัจจุบัน 1.25 - 1.45 เมตร
เลขาธิการ สทนช. ระบุเพิ่มเติมว่า ระดับน้ำในลุ่มน้ำคลองอู่ตะเภาในปี 2568 สูงกว่าปี 2553 ซึ่งเป็นปีที่เคยเกิดน้ำท่วมสูงสุด จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่ติดตามข้อมูลการอพยพจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด พร้อมกันนี้ สทนช. จะร่วมกับทุกหน่วยงานบริหารจัดการน้ำอย่างเต็มที่ เพื่อบรรเทาความรุนแรงของสถานการณ์ให้ได้มากที่สุด