ตลาดหุ้นไทยซบ บมจ.ที่ทยอยตบเท้าเข้าคิวออก IPO เริ่มต้องคิดอีกครั้ง หรือแม้แต่ BITKUB ที่ก่อนหน้านี้ เคยมีข่าวเตรียมนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ล่าสุด Bloomburg รายงาน BITKUB เตรียมหนีไปซบอกตลาดหุ้นฮ่องกง แต่ให้ทำอย่างไรได้ ขนาดคริปโทฯ ยังเงียบเหงาเลย..
หลายคนน่าจะเคยได้ยินข่าวก่อนหน้านี้ที่ BITKUB กระดานเทรดชื่อดังรายใหญ่ของไทย เตรียมจะออก IPO เพื่อเข้าตลาดหลักทรัพย์ แต่เหมือนเรื่องนี้ก็เงียบหายไป ไม่ได้มีอัพเดตมาสักพักแล้ว
แต่ล่าสุดก็ได้ยินข่าวแล้ว เมื่อสำนักข่าว Bloomberg อ้างการเปิดเผยจากแหล่งข่าวว่า Bitkub แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีของไทยกำลังพิจารณาเสนอขายหุ้น IPO ในฮ่องกง เพื่อยกระดับสถานะของฮ่องกงในฐานะศูนย์กลางสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งอาจขายหุ้น IPO ได้เร็วที่สุดในปีหน้าเพื่อระดมทุนประมาณ 200 ล้านดอลลาร์ นอกจาก BITKUB แล้ว ยังมี Hashkey อีกเจ้าที่มีข่าวเตรียมจะออก IPO ที่ฮ่องกงเช่นกัน
จริง ๆ แล้ว ฮ่องกงมีแผนผ่อนคลายกฎระเบียบเพื่อส่งเสริมการซื้อขายคริปโทฯ และแข่งขันเพื่อเป็นผู้นำระดับภูมิภาคด้านสินทรัพย์ดิจิทัล มีกำหนดระบบการออกใบอนุญาตสำหรับแพลตฟอร์มคริปโทฯ เพียงแค่ยังไม่คอยมีความเคลื่อนไหวเท่าไหร่นัก
การจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงของ Bitkub จะช่วยส่งเสริมความพยายามของแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลในฮ่องกงในการดึงดูดบริษัทที่ไม่ใช่จีนให้เข้ามาจดทะเบียนมากขึ้น ในส่วนของ IPO ฮ่องกงก็กำลังมุ่งสู่ระดับสูงสุดในรอบ 4 ปีในปีนี้ โดยอาจระดมทุนสูงถึง 4 หมื่นล้านดอลลาร์ ตามการประมาณการของ Bloomberg Intelligence
หลายคนน่าจะพอรู้รู้เรื่อง MSTR หรือ Strategy บริษัทของพ่อใหญ่ Michael Saylor กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาถอดออกจากดัชนี MSCI โดยทาง MSCI ให้ข้อมูลว่ามีความกังวลว่าโครงสร้างรายได้ และความผันผวนของบริษัท ไม่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์การจัดทำดัชนีแบบดั้งเดิมของ MSCI อีกต่อไป
MSCI หรือ "Morgan Stanley Capital International" เป็นบริษัทชั้นนำที่จัดทำดัชนีราคาหุ้น (stock market index) เพื่อใช้อ้างอิงและเป็นมาตรฐานสำหรับการลงทุนระดับโลก หุ้นตัวไหนที่ได้รับบรรจุอยู่ในดัชนี หรือทำเนียบของ MSCI ราคาก็มักจะพุ่งทะยาน ส่วนหุ้นที่โดนถอดชื่อออกราคาก็ร่วงเหมือนกัน
คราวนี้ MSCI เริ่มประเมินน้ำหนักของ MicroStrategy ตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ผ่านมา หลังราคาหุ้นของบริษัทเริ่มเคลื่อนไหวตามราคาบิทคอยน์มากกว่าเคลื่อนไหวตามปัจจัยพื้นฐานด้านธุรกิจซอฟต์แวร์ ทำให้นักวิเคราะห์บางรายมองว่า MSTR "ทำหน้าที่เหมือน Bitcoin ETF ทางอ้อม" มากขึ้นเรื่อย ๆ
ปัจจุบัน Strategy ถือครองบิทคอยน์มากกว่า 226,000 BTC และมีแผนการออกหุ้นบุริมสิทธิ์ เพื่อระดมเงินมาซื้อบิทคอยน์เพิ่มอย่างต่อเนื่อง ทำให้สัดส่วนสินทรัพย์ดิจิทัลในงบดุล สูงกว่ารายได้จากธุรกิจซอฟต์แวร์แบบเดิมหลายเท่า ขณะที่ MSCI ต้องพิจารณาความสมดุลของ "ความเสี่ยงเชิงระบบ" เพื่อไม่ให้ดัชนีได้รับผลกระทบจากความผันผวนของบิตคอยน์เกินจำเป็น
และการพิจารณาครั้งนี้ จะมีความชัดเจน ประมาณ วันที่ 15 ม.ค. ปี 2569 ซึ่งเป็นรอบประกาศรายชื่อดัชนี MSCI ประจำต้นปี หาก Strategy ถูกถอดชื่อออก อาจส่งผลให้กองทุนที่ลงทุนโดยอิงดัชนี MSCI บางส่วนต้องปรับพอร์ตออกจากหุ้นดังกล่าว และอาจเพิ่มแรงขายในตลาดช่วงประกาศผล
ผ่านไปแล้วกับตัว Grayscale Dogecoin Trust ETF ภายใต้ตัวย่อ "GDOG" ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 24 พ.ย. ที่ผ่านมา แต่กลายเป็นว่าเงิน inflow วันแรกเท่ากับ "ศูนย์" ชี้ให้เห็นชัดว่าเหรียญ Dogecoin ยังไม่ได้รับการสนใจจากตลาดนักลงทุนสถาบันสักเท่าไหร่
ในส่วนของปริมาณการซื้อขายอยู่ที่ 1.41 ล้านดอลลาร์ แต่เนื่องด้วยการบันทึกว่าไม่มีเงินไหลเข้า นั่นหมายความว่า กองทุนนี้ทำได้แค่เพียงหมุนเวียนเงินของนักลงทุนรายเก่าก่อนที่จะกองทุนนี้จะทำการแปลงมาเป็น ETF เท่านั้น ไม่สามารถดึงดูดเงินทุนใหม่จากสถาบันได้เลย ซึ่งต่างจาก Bitwise XRP ETF ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ และทำผลงานได้ดีกว่ามาก
อีกหนึ่งปัญหาอาจมาจากโครงสร้างกองทุนแบบ "Cash Create" ที่ต้องให้เงินกับกองทุนเพื่อไปซื้อหน่วยลงทุน ซึ่งไม่สามารถดึงดูดผู้ถือ DOGE เดิม ให้เปลี่ยนมาถือ ETF ได้ ประกอบกับสถาบันการเงินยังมองไม่เห็นเหตุผลในการจัดสรรพอร์ตเข้าสู่ "เหรียญมีม" งานนี้ Grayscale ต้องแก้เกมด่วน ด้วยการยกเว้นค่าธรรมเนียมการจัดการใน 3 เดือนแรกด้วย
อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์ของ Grayscale ดูเหมือนจะเริ่มได้ผล เมื่อข้อมูลจาก SoSoValue ระบุว่า ในวันที่ 25 พ.ย. (วันที่ 2 ของการเทรด) กองทุน GDOG พลิกกลับมามียอดเงินไหลเข้าสุทธิ 1.8 ล้านดอลลาร์
https://youtu.be/chkDH9myLHI