พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก แถลงข่าวในฐานะศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า สถานการณ์วันนี้ทางกัมพูชาได้โจมตีด้วยเครื่องยิงระเบิดหลายลำกล้อง BM21 และโดรนทิ้งระเบิดใส่ฐานที่มั่นของไทยในจำนวนที่หนาแน่นมากตั้งแต่ช่วงเช้า ทั้งช่องบก ช่องอานม้า ปราสาทตาควาย ปราสาทคนา ภูมะเขือ ที่ทางกัมพูชาพยายามที่จะยึดพื้นที่คืน แต่ถูกไทยตอบโต้ด้วยอาวุธวิถีโค้ง โดยฝ่ายไทยพยายามจะเข้ายึดและควบคุมที่หมายเหล่านั้นไว้ให้ได้ พร้อมทั้งผลักดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่
ส่วนพื้นที่หนองหญ้าแก้วในความรับผิดชอบของกองกำลังบูรพา ได้เข้าเคลียร์พื้นที่ตรวจยึดระเบิดสังหาร 2 ชุด และระเบิดแสวงเครื่องอีก 2 ชุด ซึ่งได้ทำการเก็บกู้ไว้ได้ และพื้นที่บ้านคลองแผลง อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ได้ปฏิบัติการใช้ปืนใหญ่รถถังยิงทำลายบ่อนกาสิโนที่ตั้งบริเวณแนวชายแดน แต่ถูกนำมาใช้เป็นที่ตั้งอาวุธยิงสนับสนุน ป้อมปืนกล และคลังอาวุธ
ทั้งนี้พบร่องรอยบ้านเรือนประชาชนที่ อ.กันทรลักษณ์ 1 หลังถูกระเบิด BM21 และที่บ้านตาพระยาถูกลูกปืนใหญ่เสียหายอีก 1 หลัง
พล.ร.ต.ปารัช รัตนไชยพันธ์ โฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่า กองทัพเรือได้เปิดปฏิบัติการทางทหารที่บ้านหนองรี อ.เมือง จ.ตราด ที่ทางกัมพูชามีการซ่องสุมกำลัง ขุดคูเลท ทำบังเกอร์ วางกำลังเพิ่มเติม คาดว่าฝ่ายตรงข้ามจะเสียหายราว 80% โดยอยู่ระหว่างความพยายามเข้ายึดพื้นที่แต่ทางกัมพูชาใช้อาวุธหนักตอบโต้
นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่บ้านท่าเส้นที่เป็นบนหลังอาคารกาสิโนมีการติดตั้งสายอากาศกวนสัญญาณต่อต้านโดรน โดยได้ทำลายเสาอากาศ และกัมพูชามีการนำอาวุธปืนใหญ่เข้ามาจึงได้ทำการตอบโต้ และอยู่ระหว่างตรวจสอบความเสียหาย ขณะที่กำลังพลมีความปลอดภัย
ส่วนกรณีที่มีข่าวกำลังพลเสียชีวิตเพิ่มเป็น 4 รายนั้นยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ
พล.อ.ท.จักรกฤษณ์ ธรรมวิชัย โฆษกกองทัพอากาศ กล่าวว่า กองทัพอากาศให้ความสำคัญต่อการเลือกใช้อาวุธที่มีประสิทธิภาพสูงสุด มีความแม่นยำสูง เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องทั้งสองประเทศ โดยมีความพร้อมสูงสูดในการสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจของกองทัพไทยให้มีประสิทธิภาพ และปฏิบัติภารกิจประสบความสำเร็จ แต่ไม่สามารถยืนยันได้ว่ามีเป้าหมายอะไรบ้าง
พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตำรวจพร้อมที่จะดูแลความสงบเรียบร้อย เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจของกองทัพ และประสานไปยังทุกภาคส่วนยกระดับการรักษาความปลอดภัย โดยเฉพาะพื้นที่ชุมชนเพื่อป้องกันบุคคลที่ไม่หวังดี หากพบวัตถุต้องสงสัยให้แจ้งตำรวจทันทีที่โทร 191 หรือ 1599 ตลอด 24 ชม.
พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า การจัดตั้งศูนย์ฯ ประกอบด้วย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม เหล่าทัพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะบูรณาการข้อมูลข่าวสารอย่างเป็นเอกภาพ และแถลงข่าวสถานการณ์วันละ 2 ครั้ง คือ เวลา 10.00 น.และ 16.00 น. ผ่านสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก (ททบ.5) และสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT)
โดยวันนี้นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) 3 เรื่อง คือ
1.ให้ทุกหน่วยดูแลประชาชนที่อพยพไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวให้ดีที่สุด
2.ให้ปลัดกระทรวงมหาดไทย และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจัดเตรียมงบประมาณเพื่อเยียวยาให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างรวดเร็ว
3.ให้กระทรวงกลาโหมและกระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานหลักในการสื่อสารข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
สำหรับเหตุผลที่ไทยจำเป็นต้องตอบโต้กัมพูชานั้นมี 5 ประการ คือ
1.ฝ่ายกัมพูชารุกรานและยั่วยุในรูปแบบเดิม ทั้งการเปิดฉากใช้อาวุธ ลอบวางทุ่นระเบิด และปฏิเสธความรับผิดชอบ โดยพยายามสร้างภาพเรียกร้องสันติภาพและยับยั้งชั่งใจ
2.ไทยมุ่งปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนจึงต้องดำเนินการทางทหารเท่าที่จำเป็น จนมั่นใจว่าอธิบไตยและดินแดนไทยจะไม่ถูกคุกคาม
3.ประชาชนชาวไทยได้เผชิญภัยคุกคามจากการกระทำของกัมพูชามาแล้วหลายครั้งจนความอดทนอดกลั้นถึงขีดจำกัด เพราะกัมพูชาไม่คำนึงถึงเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีของไทยในฐานะเพื่อบ้านที่ดีต่อกัน รัฐบาลไทยจึงให้ความสำคัญสูงสุดต่อการปกป้องอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชน
4.ท่าทีของไทย รวมถึงการปฏิบัติการทางทหารจะดำเนินไปจนกว่ากัมพูชาจะแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า กลับมาเลือกเส้นทางสู่สันติภาพที่แท้จริง
5.กัมพูชาเป็นฝ่ายละเมิดข้อตกลงหยุดยิงและถ้อยแถลงร่วมว่าด้วยสันติภาพ ซึ่งได้ลงนามร่วมกัน ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ และแสดงความเป็นปฏิปักษ์ต่อไทยอย่างต่อเนื่อง
เมื่อวานนี้ (8 ธ.ค.) นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศชี้แจงถึงการบิดเบือนข้อมูลของกัมพูชา พร้อมทั้งประท้วงต่อกัมพูชา ชี้แจงต่อประเทศสมาชิกอาเซียน เลขาธิการยูเอ็น และเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งยูเอ็น โดยมอบหมายให้สถานทูตและสถานกงสุลไทยทั่วโลกดำเนินการเชิงรุกชี้แจงข้อมูลที่เป็นจุดยืนของไทยต่อสถานการณ์ดังกล่าว เพื่อให้ได้รับข้อมูลที่ถูกค้องและครบถ้วน
การปฏิบัติการทางทหารของไทยเป็นไปตามหลักสากล หรือกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ มุ่งโจมตีเป้าหมายทางการทหารในพื้นที่จำกัด เพื่อคุ้มครองพลเรือน จำกัดความรุนแรง ได้สัดส่วนที่เหมาะสม โดยเป็นไปตามเงื่อนไข 4 ประการ คือ เป็นภัยคุกคามชัดเจน, ไม่มีทางเลือกอื่น, ตอบโต้เท่าที่จำเป็น และเป้าหมายทางทหารเท่านั้น