พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงข่าวในฐานะศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา สรุปสถานการณ์ชายแดนสู้รบตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา
- เวลา 23.00 น.กองทัพเรือเตรียมปฏิบัติการทางทหาร "ตราดปราบปรปักษ์" เพิ่มเติม หลังจากเมื่อคืนตรวจพบกลุ่มบุคคลต้องสงสัยแต่งชุดพลเรือน โดยสารรถตู้จำนวน 4-5 คันเข้าไปในอาคารใกล้เคียงฐานยิงปืนใหญ่ ซึ่งคาดว่าเป็นหน่วย BHQ ของกัมพูชา เพื่อลิดรอนขีดความสามารถของฝ่ายกัมพูชาที่จะมาโจมตีไทย
- เวลา 04.35 น.กัมพูชาเปิดฉากยิงเข้ามาใน 4 พื้นที่ ได้แก่ ช่องบก, ช่องอานม้า, ตาควาย และตาเมือน
- กัมพูชายิงกระสุนปืนใหญ่เข้ามาตกใส่บ้านเรือนราษฎรที่ ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์
- เวลา 12.00 น.กองทัพภาคที่ 2 ผลักดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ช่องระยี ช่องปลดด่าง จ.สุรินทร์
ขณะที่มีการอพยพประชาชนแล้วจำนวน 258,617 คน ศูนย์พักพิงชั่วคราว 934 แห่ง เสียชีวิต 4 คน โรงพยาบาลได้รับผลกระทบ 19 แห่ง และ รพ.สต.ได้รับผลกระทบ 180 แห่ง
ด้าน พล.อ.ท.จักรกฤษณ์ ธรรมวัย โฆษกกองทัพอากาศ ชี้แจงถึงการปฏิบัติการทางทหารของทุกเหล่าทัพว่า ดำเนินการไปตามสัดส่วนที่เหมาะสมจนอาจทำให้ประชาชนรู้สึกว่าตอบโต้กัมพูชาน้อยเกินไป แต่เมื่อพิจารณาจากสถิติที่ผ่านมาจะพบว่าสถานการณ์มีความเข้มข้นเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ได้ลดน้อยถอยลงไป เนื่องจากสถานการณ์มีความซับซ้อน และมีการเปลี่ยนแปลงทุกนาที โดยจะปฏิบัติการต่อเนื่องไปจนกว่าฝ่ายตรงข้ามจะยุติการกระทำที่เป็นภัยต่อเรา เพื่อให้สำเร็จลุล่วงตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
สถานการณ์จะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับฝ่ายกัมพูชา หากยังโจมตีต่อเนื่อง ทางกองทัพก็ต้องปกป้องตัวเอง โดยพยายามยับยั้งการโจมตีให้หมดสิ้นไป เราอยากให้สถานการณ์จบลงเพื่อยุติผลกระทบและความเสียหายของประชาชน