ไทย-กัมพูชา: กองทัพยันไม่ลดความเข้มข้นปฏิบัติการทางทหาร หวังกดดันเขมรยอมเจรจา

ข่าวทั่วไป Tuesday December 16, 2025 12:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงข่าวของศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ณ วันที่ 16 ธ.ค.68 เวลา 10.00 น.

*สถานการณ์ช่วงค่ำวานนี้ (15 ธ.ค.) ในเวลา 19.00 น.

ฝ่ายกัมพูชายังคงยิงอาวุธหนักเข้ามาในพื้นที่ฝั่งไทย ที่บริเวณช่องกร่าง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ส่งผลให้ทหารไทยเสียชีวิตเพิ่มอีก 1 นาย ยอดรวมล่าสุด มีกำลังพลที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์รวมทั้งสิ้น 17 นาย ซึ่งจนถึงช่วงเช้านี้ ฝ่ายกัมพูชายังคงเปิดฉากโจมตีเข้ามายังดินแดนอธิปไตยของไทยตลอดแนวชายแดน ทำให้ฝ่ายไทยจำเป็นต้องตอบโต้เพื่อเป็นการป้องกันตนเอง

*การปฎิบัติการทางทหาร

พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า จากสถานการณ์สู้รบในปัจจุบัน พบว่าฝ่ายกัมพูชามีการใช้อาวุธยิงสนับสนุนเข้ามาในพื้นที่ฝ่ายไทยน้อยลง ซึ่งอาจเป็นเพราะกองทัพบกได้ร่วมกับกองทัพอากาศ ในการลิดรอนการโจมตี โดยเฉพาะอาวุธยิงสนับสนุน, ที่ตั้งการส่งกำลังบำรุง, หน่วยบัญชาการควบคุมการใช้อาวุธต่าง ๆ รวมถึงเส้นทางการส่งกำลังบำรุง จึงทำให้เริ่มเห็นผลชัดเจนว่าการยิงตอบโต้จากฝ่ายกัมพูชาน้อยลง แต่อย่างไรก็ดี ยังมีการต้านทานอย่างหนักในพื้นที่ที่ทหารไทยสามารถควบคุมได้แล้ว เพื่อหวังจะช่วงชิงพื้นที่กลับคืนจากฝั่งไทย

ส่วนที่มีข่าวว่าในการเข้ายึดพื้นที่จากกัมพูชานั้น ทหารไทยได้ตรวจพบอาวุธจากของฝ่ายกัมพูชา ซึ่งเป็นอาวุธที่ผลิตจากจีนนั้น จะเป็นสัญญาณให้เห็นหรือไม่ว่า ประเทศจีนให้การสนับสนุนทางการทหารแก่กัมพูชา พ.อ.ริชฌา กล่าวว่า การตรวจพบ หรือการยึดอาวุธของฝ่ายกัมพูชาในพื้นที่ที่ไทยเข้าไปควบคุมได้แล้ว มีหลายรายการ ซึ่งมีหลายคนสงสัยว่าอาวุธที่ยึดได้เอาไปไหน ซึ่งเรามีขั้นตอนดำเนินการ โดยในการสู้รบ เมื่อมีการยึดอาวุธ ตลอดจนอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ จะมีขั้นตอนในการควบคุมและตรวจสอบก่อน

ส่วนข้อกังวลว่าประเทศนั้นจะสนับสนุนทางการทหารให้กับกัมพูชาหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่าจะเป็นการปฏิบัติในลักษณะเช่นนั้น ต้องรอพิสูจน์ทราบในเชิงลึก แต่ขณะนี้ยังไม่มีรายงาน อย่างไรก็ดี ขอให้มั่นใจว่าอาวุธที่ทหารไทยควบคุมได้ จะไม่รั่วไหลไปไหน

ด้าน พลอากาศโท จักรกฤษณ์ ธรรมวิชัย โฆษกกองทัพอากาศ กล่าวว่า สำหรับปฏิบัติการทางทหารของฝ่ายไทยไม่ได้เบาบางลง แต่ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง และดำรงขีดความสามารถในการปฏิบัติภารกิจ เพื่อให้สามารถดำเนินการทางการทูตประกอบกันไปด้วย เพื่อกดดันให้กัมพูชาเข้าสู่กระบวนการเจรจาพูดคุยอย่างมีเหตุมีผล

"การปฏิบัติการทางทหารไม่ได้ลดความเข้มข้นลง เรายังดำเนินการสนับสนุนการปฏิบัติการทางทหารทั้งทางบก ทางเรือ เพื่อให้เราสามารถป้องปรามความพยายามของกัมพูชาที่จะสร้างความเสียหายให้แก่พี่น้องประชาชน ซึ่งการโจมตีของกองทัพอากาศในช่วงหลัง ก็เป็นการลิดรอนขีดความสามารถของกัมพูชาอย่างชัดเจน ทั้งการโจมตีเป้าหมายที่เป็นอาวุธ กระสุน วัตถุระเบิด" พลอากาศโทจักรกฤษณ์ กล่าว

พร้อมชี้ว่า สาเหตุที่กัมพูชายิงตอบโต้ไทยน้อยลง อาจเป็นเพราะอาวุธเหล่านั้นได้ถูกทำลายไป รวมทั้งถูกตัดทอนเส้นทางส่งกำลังบำรุงไปยังส่วนหน้า ที่ทำได้ยากขึ้น ดังนั้นถือว่าการปฏิบัติการทางทหารของไทยตลอด 9 วันที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จในการลิดรอนการปฏิบัติภารกิจของฝ่ายตรงข้าม

นางมาระตี นะลิดา อันดาโม รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่ประชาคมโลกต้องการเห็นถึงจุดยืนของไทย หลังจากที่มีข้อเรียกร้องเรื่องการหยุดยิง ว่า ในประเด็นนี้ ฝ่ายไทยได้แสดงออกอย่างชัดเจนมาโดยตลอด ทั้งในระดับของนายกรัฐมนตรี, รมว.ต่างประเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ โดยย้ำหลักการว่า การหยุดยิง ขึ้นกับสองประเทศคู่เจรจา และต้องพิสูจน์ด้วยการกระทำ ซึ่งเป็นสิ่งที่ฝ่ายไทยยังรอคอยจากกัมพูชา

ทั้งนี้ มี 3 ข้อที่ฝ่ายไทยต้องการจะเห็นจากกัมพูชา คือ 1.ฝ่ายกัมพูชาจะต้องประกาศหยุดยิงก่อน ในฐานะเป็นประเทศที่รุกล้ำฝ่ายไทย 2.การหยุดยิงจะต้องเกิดขึ้นจริง และอย่างต่อเนื่อง 3.ฝ่ายกัมพูชาจะต้องร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิดอย่างจริงจัง และจริงใจ

"ประเด็นที่ไทยต้องย้ำอยู่เสมอ และยืนยันต่อประชาคมระหว่างประเทศเสมออีกเรื่องคือ การปฏิบัติการทั้งหมดของฝ่ายไทย เป็นไปตามสิทธิในการปกป้องตนเอง ตามข้อ 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ และกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ

ตามที่กระทรวงการต่างประเทศของมาเลเซีย ประกาศว่าจะมีการประชุมระดับ รมต.อาเซียน นัดพิเศษในวันที่ 22 ธ.ค.นั้น นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศของไทย พร้อมที่จะเดินทางไปเข้าร่วมประชุม

ส่วนการประสานนำตัวคนไทยเดินทางออกจากกัมพูชานั้น ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 15 ธ.ค.68 พบว่ามีคนไทยในกัมพูชา จากเครือข่ายของสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ และสถานกงสุลใหญ่ ณ นครเสียมราฐ รวม 669 คน และมีคนไทยเดินทางออกจากกัมพูชาแล้ว 352 คน คงเหลือคนไทยอีกกว่า 300 คน โดยประมาณการคนไทยที่อยู่ในปอยเปต รวม 5,000-6,000 คน

ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศ พร้อมอำนวยความสะดวกในเรื่องการออกเอกสารฉุกเฉินสำหรับการเดินทาง ให้แก่พี่น้องคนไทยในกัมพูชาที่ต้องการเดินทางกลับประเทศทันที สำหรับเที่ยวบินที่รองรับคนไทยในพนมเปญ และเสียมราฐ เดินทางกลับไทยนั้น ประกอบด้วย สายการบินไทย, บางกอกแอร์เวยส์, ไทยแอร์เอเชีย, เวียตเจ็ท ตลอดจนสายการบินอื่นๆ เช่น Emirates, Air Cambodia, Sky Angkor รวมไฟล์ทบินพนมเปญ-กรุงเทพฯ 8-9 เที่ยวบินต่อวัน รองรับได้ 1,600 คน/วัน และไฟล์ทบินเสียมราฐ-กรุงเทพฯ อีก 5-6 เที่ยวบินต่อวัน รองรับได้ 1,000 คน/วัน

นายชัยรัตน์ แก้วเพียงเพ็ญ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงบทบาทของ ปภ.ในแผนพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง โดยเฉพาะศูนย์พักพิงชั่วคราวที่ในช่วงแรกมีประมาณพันกว่าแห่ง และมีประชาชนเข้ามาอยู่ในศูนย์พักพิงมากกว่า 2.5 แสนคน ซึ่งยอมรับว่า ในช่วงแรกอาจมีปัญหาขัดข้อง แต่ในช่วงหลังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในแต่ละพื้นที่ได้มีการบริหารจัดการและสามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้ดีขึ้น

อย่างไรก็ดี จากการที่ประชาชนจำเป็นต้องทิ้งบ้านเรือน เพื่อเข้ามาอยู่ในศูนย์อพยพ ซึ่งทำให้มีความกังวลต่อสัตว์เลี้ยงที่ยังอยู่ในบริเวณพื้นที่บ้านเรือนนั้น ทาง ปภ.ได้มีการติดต่อกับปศุสัตว์จังหวัด เพื่อประสานกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้ง ชรบ. เพื่อนำอาหารไปให้สัตว์เลี้ยง และปศุสัตว์ ดังนั้นขอให้ประชาชนที่เป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงดังกล่าวไม่ต้องมีความเป็นห่วงในเรื่องนี้ ขณะที่เรื่องความปลอดภัยของบ้านเรือน และทรัพย์สินต่าง ๆ นั้น ได้มี ชรบ. และอาสาสมัคร รวมทั้งตำรวจในพื้นที่ ได้ร่วมกันออกลาดตระเวนดูแลความปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอ จึงขอให้ประชาชนที่ต้องอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราวได้คลายกังวลในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ