ดัชนีกลุ่มแบงก์ปรับตัวขึ้น 1.94% มาอยู่ที่ 458.75 จุด เพิ่มขึ้น 8.72 จุด โดยเมื่อเวลา 10.49 น.หุ้นในกลุ่มแบงก์ที่ปรับตัวขึ้นสูงสุด 3 อันดันแรก และมีวอลุ่มเทรดที่เข้ามาอย่างหนาแน่น ได้แก่
หุ้น SCB อยู่ที่ 147.00 บาท เพิ่มขึ้น 5.50 บาท(+3.89%)มูลค่าซื้อขาย 431.38 ล้านบาท
หุ้น KBANK อยู่ที่ 153.50 บาท เพิ่มขึ้น 4.50 บาท(+3.02%)มูลค่าซื้อขาย 444.74 ล้านบาท
หุ้น KTB อยู่ที่ 17.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท(+1.71%)มูลค่าซื้อขาย 236.52 ล้านบาท
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า กลุ่มธนาคาร เป็นจังหวะในการ"ซื้อสะสม" เนื่องจากราคาหุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลดลงจากความกังวลเรื่องการเพิ่มทุนซึ่งอาจเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีมาแล้วที่ไม่มีธนาคารใดต้องเพิ่มทุนเลย แต่เชื่อว่าทุกธนาคารยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มทุนในตอนนี้ แม้ว่าความต้องการสินเชื่อในระยะข้างหน้าจะแข็งแกร่งมากตามวงจรการลงทุน แต่เงินกองทุนของทุกธนาคารก็แข็งแกร่งเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ก่อนปี 2016 เกณฑ์ BASEL III จะเข้มข้นมากขึ้น โดยจะเพิ่มระดับขั้นต่ำของเงินกองทุน Core-Tier 1 ขึ้น ซึ่งเชื่อว่า KTB และ TCAP จะต้องเพิ่มทุนก่อนปี 2016 ซึ่งเป็นสิ่งที่คาดไว้อยู่แล้ว แต่เร็วเกินไปที่จะกังวลเรื่องการเพิ่มทุนในตอนนี้ ไม่ว่าจะพิจารณาจากระดับเงินกองทุนในปัจจุบันหรือข้อบังคับใหม่ จะเห็นว่าธนาคารพาณิชย์ไทยยังสามารถรับมือได้อย่างดี
ทั้งนี้ ในช่วง 3 วันที่ผ่านมาดัชนีกลุ่มแบงก์ปรับลงมา 4.5% ซึ่งเท่ากับที่ขอต่อราคาไปเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว จึงเห็นเป็นจังหวะในการ "ซื้อ" โดยเฉพาะ KK, BAY, BBL และ SCB ซึ่งเป็นธนาคารที่มีเงินกองทุนแข็งแกร่ง และไม่น่าได้รับผลกระทบจาก BASEL III แม้ในข้อบังคับที่เข้มงวดที่สุดในปี 2019