น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจดูความคืบหน้าการก่อสร้างประตูระบายน้ำพระงามแห่งใหม่จากที่เคยเสียหายไปเมื่อเหตุการณ์อุทกภัยครั้งที่ผ่านมา ซึ่งตั้งอยู่บริเวณคลองกระทุ่มโพรง ต.พระงาม อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี เชื่อมต่อระหว่างแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำน้อย
ประตูระบายน้ำดังกล่าว สามารถระบายน้ำได้ 302 ลูกบาศ์กเมตร/วินาที ใช้ประโยชน์ในการระบายน้ำจากคลองระบายใหญ่แม่น้ำน้อย 2 ออกสู่แม่น้ำน้อยและแม่น้ำเจ้าพระยาได้ทั้ง 2 ทาง และกั้นไม่ให้ปริมาณน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาในช่วงฤดูน้ำหลากให้ไหลท่วม อ.เมือง อ.พรหมบุรี อ.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี และ อ.วิเศษชัยชาญ อ.เมือง จ.อ่างทอง ใช้งบประมาณ 145 ล้านบาท จะแล้วเสร็จภายในเดือนส.ค.นี้ ซึ่งการก่อสร้างประตูระบายน้ำพระงามแห่งใหม่เพิ่มนั้น เป็นเพราะประตูระบายน้ำเดิมถูกน้ำกัดเซาะเมื่อปลายปี 54 ทำให้น้ำไหลเข้าท่วมบริเวณโดยรอบพื้นที่
นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึง สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่สุโขทัยว่าไม่น่าเป็นห่วง เพราะถือเป็นการท่วมขังตามปกติ ซึ่งถือว่าเป็นการท่วมฉับพลันซึ่งสาเหตุมาจากปริมาณน้ำฝน พร้อมเชื่อว่าพื้นที่รับน้ำตามธรรมชาติยังสามารถรองรับน้ำได้ ขณะที่ประตูระบายน้ำส่วนใหญ่ซ่อมแซมเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงประตูระบายน้ำเล็กๆ ที่ต้องเพิ่มเติมโดยสั่งการให้ท้องถิ่นสำรวจคันกั้นน้ำทุกแห่งให้มีความแข็งแรงพร้อมใช้การได้
นอกจากนี้ การบริหารจัดการน้ำในเขื่อนจะดูความสมดุลและติดตามการรายงานของกรมอุตุนิยมวิทยาควบคู่กับการติดตามปริมาณน้ำฝนอย่างใกล้ชิด
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้กำชับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในส่วนของกรมชลประทานให้กำจัดผักตบชวาในคูคลองเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำได้อย่างเต็มที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกรัฐมนตรีได้เดินทางต่อเพื่อไปตรวจเยี่ยมประตูระบายน้ำลำชวด ซึ่งเป็นประตูปลายคลองระบายน้ำใหญ่แม่น้ำน้อย 2 เชื่อมต่อระหว่างแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำน้อย สามารถระบายปริมาณน้ำผ่านได้ 238 ลูกบาศ์กเมตร/วินาที และตรวจดูพื้นที่รับน้ำนองของสำนักชลประทานที่ 12 หรือพื้นที่รับน้ำนองภาคกลางตอนล่างจำนวน 2.65 แสนไร่ ซึ่งเป็นพื่นที่ที่ติดต่อกับประตูระบายน้ำลำชวด ทั้งตอนเหนือและตอนล่าง รับน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาในช่วงฤดูน้ำหลาก
โดยบริเวณเหนือประตูระบายน้ำลำชวด มีพื้นที่รับน้ำนองได้แก่ ทุ่งสรรพยา ทุ่งอินทร์บุรี ทุ่งบางกระบือ ทุ่งโรงช้าง ทุ่งชัณสูตร ทุ่งพิกุลทอง สามารถจุน้ำได้ 297 ล้านลูกบาศ์กเมตร และในส่วนของบริเวณตอนล่างประตูระบายน้ำลำชวดได้แก่ ทุ่งไชโย ทุ่งบางพลับ ทุ่งไผ่ดำพัฒนา ทุ่งโคกช้าง สามารถจุน้ำได้ 225 ล้านลูกบาศ์กเมตร รวม 523 ล้านลูกบาศ์กเมตร กินพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ ชัยนาท สิงห์บุรี ลพบุรี อ่างทาง พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการหาพื้นที่รับน้ำนองทั่วประเทศ 2 ล้านไร่ตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อป้องกันอุทกภัยในปีนี้
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปตรวจความก้าวหน้าในการขุดลอกแม่น้ำน้อย ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ช่วง คือ ช่วงที่ 1 ช่วงประตูระบายน้ำบรมธาตุถึงประตูระบายน้ำชัณสูตร ความยาว 42 กม. คาดจะดำเนินโครงการเสร็จสิ้นทั้งหมดภายในเดือนก.ค.นี้ จุดที่ 2 ประตูระบายน้ำชัณสูตรถึงประตูระบายน้ำบางมณี มีความยาว 32.60 กิโลเมตร คาดจะเสร็จสิ้นโครงการภายในเดือนส.ค.นี้ และจุดที่ 3 ช่วงท้ายประตูระบายน้ำผักไห่ ความยาว 41.80 กิโลเมตร คาดจะเสร็จสิ้นโครงการในเดือนส.ค.เช่นกัน