ทั้งนี้ ประชาชนร้อยละ 50.64 มองว่าโครงการบริหารจัดการน้ำเป็นโครงการเพื่อประโยชน์ต่อประชาชนและอนาคตของประเทศชาติ เพราะเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมระยะยาว และประชาชนจะได้รับประโยชน์จริงๆ ขณะที่ประชาชนร้อยละ 33.89 มองว่า เป็นโครงการเพื่อประโยชน์ทางการเมือง เพราะมีงบประมาณสูงมาก อาจจะเป็นการเอื้อประโยชน์แก่นักการเมืองจนได้รับผลประโยชน์ และนักการเมืองไม่จริงจังในการแก้ไขปัญหา
ด้านการป้องกันน้ำท่วมของประเทศในภาพรวม ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 43.78 เชื่อว่าจะสามารถป้องกันน้ำท่วมได้ เพราะเชื่อว่าหากมีการบริหารจัดการที่ดีก็น่าจะช่วยป้องกันได้ ในปีที่ผ่านมาสามารถป้องกันน้ำท่วมได้ และอีกร้อยละ 30.22 เชื่อว่าไม่สามารถป้องกันน้ำท่วมได้ เพราะอาจเกิดการทุจริตทำให้การบริหารโครงการไม่มีประสิทธิภาพ อีกทั้งเป็นเรื่องของภัยธรรมชาติที่ไม่สามารถควบคุมได้, เป็นปัญหาที่แก้ไขได้ยาก, เป็นการแก้ไขที่ต้นเหตุ, ควรช่วยกันปลูกป่าน่าจะดีกว่า
ส่วนความคิดเห็นต่อความเป็นไปได้ที่จะมีการทุจริตในโครงการบริหารจัดการน้ำ พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ถึงร้อยละ 82.93 ระบุว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีการทุจริต เพราะเป็นเรื่องปกติของการทำโครงการขนาดใหญ่ และมีวงเงินงบประมาณค่อนข้างสูง โดยมีประชาชนเพียงร้อยละ 4.15 ที่ระบุว่าไม่มีการทุจริต เพราะเชื่อว่ามีการตรวจสอบในการดำเนินงานอยู่แล้ว
เมื่อถามถึงความสำเร็จของโครงการ พบว่าประชาชนร้อยละ 40.19 เชื่อว่าประสบความสำเร็จ เพราะเชื่อมั่นในการทำงานของรัฐบาลว่าสามารถทำได้ และประชาชนอีกร้อยละ 25.76 เชื่อว่าจะไม่ประสบความสำเร็จ เพราะหลายๆ โครงการที่ผ่านมายังขาดการศึกษาข้อมูลถึงผลกระทบ ผลดี ผลเสียของโครงการอีก ทั้งยังขาดการบริหารจัดการที่ดี
โดยท้ายสุด ประชาชนเกินครึ่งหรือร้อยละ 54.23 มีความเชื่อมั่นต่อการดำเนินโครงการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลชุดนี้ในระดับปานกลาง รองลงมา ร้อยละ 16.75 เชื่อมั่นในระดับน้อย และอีกร้อยละ 12.76 เชื่อมั่นในระดับมาก
อนึ่ง ผลการสำรวจดังกล่าวมาจากความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ กระจายทุกภูมิภาค จำนวน 1,254 ตัวอย่าง ดำเนินการสำรวจตั้งแต่วันที่ 6-8 ก.พ.56