2.เมื่อถูกถอดถอนจากการเป็นกรรมการบริหาร และพ้นจากการเป็นประธาน ส.อ.ท. ยังใช้อำนาจโดยมิชอบ เข้าไปดำเนินการลงนามเบิกจ่ายและหรือแต่งตั้งรักษาการเหรัญญิกในการลงนามเบิกจ่ายเงินของ ส.อ.ท. ออกจากธนาคาร รวมถึงยังอนุมัติจ่ายเงินผิดประเภทที่เป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่มีใบเสร็จ (รายละเอียดปรากฏอยู่ในรายงานการประชุม กบ.เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2556 (วาระที่ 4.6) นอกจากนี้ยังใช้ชื่อและออกหนังสือในนามสภาอุตสาหกรรมฯ เพื่อไปประชุมร่วมกับหน่วยงานต่างๆ โดยอ้างว่ายังเป็นประธานส.อ.ท.ทำให้บุคคลภายนอกมีการเข้าใจผิด
3.นายพยุงศักดิ์ฯ ได้กล่าวในที่สาธารณะและสื่อมวลชนหลายครั้งว่า มีการทุจริตเกี่ยวกับงบประมาณฝึกอบรมน้ำท่วมจังหวัดลพบุรี และมีถ้อยคำไปในทำนองให้บุคคลทั่วไปหลงเชื่อว่า การที่กลุ่มสภาอุตสาหกรรมจังหวัดออกมาเคลื่อนไหวปลดนายพยุงศักดิ์ฯ ออกจากประธาน ส.อ.ท. เพี่อเบี่ยงเบนไม่ให้มีการตรวจสอบการทุจริต ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการขอให้นายพยุงศักดิ์ฯ ออกมาแจ้งผลการสอบสวนและเปิดเผยรายชื่อว่ามีใครเกี่ยวข้องบ้าง แต่นายพยุงศักดิ์ฯ ก็ไม่สามารถเปิดเผยได้ ซึ่งเรื่องที่นายพยุงศักดิ์ฯ ออกมาให้สัมภาษณ์เช่นนี้ กระทบต่อภาพลักษณ์ขององค์กร ว่ามีการทุจริตติดสินบนทั้งที่ไม่มีหลักฐาน การที่ให้สัมภาษณ์ดังกล่าวก็เพื่อตนเอง เพียงเพื่อหวังจะดิสเครดิตฝ่ายที่ไม่ใช่พวกตนเอง โดยไม่คิดถึงองค์กรและชื่อเสียงของสมาชิกโดยรวม
4.เมื่อถูกถอดถอนออกจากการเป็นประธานแล้ว ยังมีการออกคำสั่งโดยมิชอบขาดหลักธรรมาภิบาลในการกลั่นแกล้งข่มขู่ โยกย้ายเจ้าหน้าที่พนักงานของ ส.อ.ท. และพนักงานบางคนถูกปรับลดตำแหน่ง โดยมิแจ้งเหตุผล ซึ่งพนักงานที่ได้รับผลจากการใช้อำนาจที่ไม่ถูกต้อง เช่น (1) นายมนต์ชัย รัตนะ ถูกลดตำแหน่งจาก รองผู้อำนวยการใหญ่ส.อ.ท. ไปเป็น ผู้อำนวยการสถาบันน้ำ (2) นายธนวัฒน์ จิตบรรเทิงพันธ์ จากผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐกิจโลจิสติกส์ ไปเป็น เจ้าหน้าที่ธรรมดา (3) นายไตรศักดิ์ สารเลิศโสภณ ผู้อำนวยการใหญ่ ถูกยกเลิกสัญญาจ้างก่อนที่จะครบสัญญาจ้าง เป็นต้น
5.ใช้อำนาจสั่งการโดยมิชอบให้พนักงานดำเนินการในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ผิดจากข้อบังคับของ ส.อ.ท. เช่น การบังคับให้ นางนพวรรณ อ้นบุตร ผู้ช่วยผู้อำนวยงานงานทะเบียน ให้ดำเนินการลงทะเบียนกรรมการไม่โปร่งใส โดยให้บันทึกกรรมการที่ไม่เข้าประชุมในการประชุม กส. เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2556 โดยมีวัตถุประสงค์ให้องค์ประชุมครบ ทั้งที่แท้จริงองค์ประชุมในวันดังกล่าวไม่ครบองค์ประชุม โดยพนักงานปฏิเสธไม่ดำเนินการตามที่ได้รับการสั่งการ ก็ได้มีการว่ากล่าวให้ได้รับความอับอาย จนพนักงานคนดังกล่าวต้องทำหนังสือลาออก
6.นายพยุงศักดิ์ฯ เมื่อถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งแล้ว ยังใช้อำนาจมิชอบในการแต่งตั้ง กรรมการ (นายพีระ เพชรพาณิชย์) ซึ่งได้ยื่นใบลาออกต่อสำนักงานส.อ.ท. และมีการประทับตรารับเอกสารแล้ว กับยังแต่งตั้งให้เป็นประธานภาคใต้และกรรมการบริหาร รวมทั้งเข้าประชุมและนับองค์ประชุม กส. เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2556 และวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2556 และวันที่ 6 มีนาคม 2556 ทำให้องค์ประชุมไม่ถูกต้อง ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นกรรมลิดรอนสิทธิของบุคคลลำดับถัดไป ที่จะเป็นกรรมการ ส.อ.ท. ซึ่งเป็นการกระทำผิดข้อบังคับฉบับที่ 3 ว่าด้วยการเลือกตั้งคณะกรรมการ พ.ศ.2531 ข้อ 11
7.นายพยุงศักดิ์ฯ ในฐานะเป็นกรรมการ ส.อ.ท. มีการดำเนินการต่างๆ ในการสร้างความแตกแยกของกรรมการและสมาชิกทำให้เกิดการแบ่งออกเป็นพวกเป็นกลุ่ม เกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงและยังขัดขวางต่อกระบวนการต่างๆ เพื่อให้มีการเจรจาในการยุติปัญหาความขัดแย้ง ทำให้ความขัดแย้งใน ส.อ.ท. ปานปลายยืดยื้อมา 4 เดือน ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ความเชื่อมั่นและความน่าเชื่อถือขององค์กร รวมทั้งส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ทำให้ภาคเอกชนและภาครัฐไม่สามารถที่จะช่วยผลักดันหาแนวทางแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจ ทำให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจ หากปล่อยให้ยังคงเป็นกรรมการจะเป็นภัยต่อระบบเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ
จึงต้องอาศัยข้อบังคับด้วยมติของสมาชิก ให้นายพยุงศักดิ์ฯ พ้นจากตำแหน่งกรรมการ