ก.เกษตรฯ เริ่มปฏิบัติการฝนหลวง เตรียมรับมือภาวะฝนทิ้งช่วง

ข่าวทั่วไป Friday June 21, 2013 16:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า หลังจากกรมชลประทานรายงานสถานการณ์น้ำในเขื่อนต่างๆ ณ ปัจจุบันว่าอยู่ในเกณฑ์น้อย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่การทำเกษตรในหลายๆ จังหวัดได้ ตนเองจึงได้สั่งการให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตรเร่งปฏิบัติการเติมน้ำให้กับเขื่อนต่างๆ ให้เพียงพอต่อความต้องการของภาคเกษตรเป็นการเร่งด่วน

โดยเบื้องต้นกรมฝนหลวงฯได้มอบหมายให้หน่วยงานปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือประจำจังหวัดตากปฏิบัติการเติมน้ำในเขื่อนภูมิพล ซึ่งขณะนี้ได้รับรายงานว่ามีปริมาณน้ำอยู่ประมาณ 40-50% เท่านั้น แม้จะเพียงพอต่อการดูแลพื้นที่ชลประทาน แต่หากไม่เร่งเติมน้ำไว้เมื่อสิ้นฤดูฝน หวั่นเกรงว่าน้ำอาจจะเหลือน้อยจนไม่เพียงพอต่อพื้นที่ทำการเกษตรและบริโภคได้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเร่งปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อเติมน้ำให้ได้ปริมาณ 80% จึงจะสามารถสร้างความอุ่นใจว่ามีน้ำเพียงพอใช้ในช่วงฤดูแล้งถัดไป ขณะเดียวกันเพื่อไม่ประมาทก็ได้วางแผนในการบริหารจัดน้ำในระดับที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อภาวะน้ำท่วมตามมาภายหลังอีกด้วย "ปัจจุบันศักยภาพปริมาณน้ำในเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ ให้ความช่วยเหลือเกษตรกรครอบคลุมในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำปิงและลุ่มแม่น้ำน่านทั้งหมด ตั้งแต่จังหวัดตาก อุตรดิตถ์ พิษณุโลก อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี และกรุงเทพมหานคร มั่นใจได้ว่าจะเพียงพอกับการใช้ในการอุปโภค-บริโภค สำหรับการทำการเกษตร ปริมาณน้ำในช่วงฤดูฝนประกอบกับน้ำในเขื่อนที่อยู่ 40-50% เชื่อจะสามารถช่วยบรรเทาได้ แต่ก็มีความเป็นห่วงในช่วงปลายฝน หรือฝนทิ้งช่วง อาจส่งผลให้ปริมาณน้ำจะไม่เพียงพอที่จะเติมน้ำให้ได้ 80% ที่จะใช้ในช่วงฤดูแล้งถัดไป" นายชวลิต กล่าว ด้านนายวราวุธ ขันติยานันท์ ผู้อำนวยการกองปฏิบัติการฝนหลวง กรมฝนหลวงและการบินเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้กรมฝนหลวงฯได้ปรับยุทธศาสตร์ในแผนปฏิบัติการฝนหลวงให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัญหามากขึ้น ทั้งให้การช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรช่วงฤดูฝน ป้องกันการเกิดภาวะฝนทิ้งช่วงและเพิ่มปริมาณน้ำในเขื่อนและอ่างเก็บน้ำ โดยการตั้งศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงประจำภาคทั้งหมด 5 ภาค ได้แก่ ภาคกลาง จังหวัดนครสวรรค์ ภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ ภาคตะวันออก จังหวัดระยอง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดขอนแก่น และภาคใต้ จังหวัดสุราษฎรธานี ทั้งนี้ เพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องในการปฏิบัติการทำฝนหลวงให้มีประสิทธิภาพและมีความต่อเนื่อง ซึ่งแต่ละศูนย์ประกอบด้วย หน่วยเคลื่อนที่เร็วเพื่อปฏิบัติการช่วยเหลือจังหวัดต่างๆที่อยู่ในเขตรับผิดชอบ และหน่วยปฏิบัติการซึ่งมีเครื่องบินปฏิบัติงานประจำฐานที่ตั้ง โดยบูรณการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อประสานข้อมูลประเมินสถานการณ์ในการเข้าช่วยเหลือเกษตรกรได้ทันท่วงที ซึ่งขณะนี้แต่ละศูนย์อยู่ระหว่างการสร้างองค์ประกอบที่สมบูรณ์ของศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวง ได้แก่ 1.ที่ทำการศูนย์ฯ 2.พื้นที่เก็บสารทำฝนหลวง และ 3.สถานีตรวจอากาศประจำภาค คาดว่า อีกไม่เกิน 3 ปี การก่อสร้างศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงประจำภาคทั้งหมดจะเสร็จสมบูรณ์ สำหรับภารกิจของศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือจะรับผิดชอบในการบริหารน้ำในเขตพื้นที่ภาคเหนือครอบคลุม 15 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน พะเยา แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก สุโขทัย ตาก กำแพงเพชร พิจิตร และเพชรบูรณ์ ตลอดจนพื้นที่ลุ่มรับน้ำเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล เขื่อนแม่กวงอุดมธารา เขื่อนกิ่วลม เขื่อนกิ่วคอหมา และเขื่อนแควน้อย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ